คำนำ
"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนะแนวทาง
การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งการศึกษาเพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของหลักปรัชญา ฯ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากไม่มีตำราหรือเอกสารเฉพาะที่จะใช้ค้นคว้าและยึดเป็นหลักอ้างอิงได้ ดังนั้นการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลมาศึกษาทำความเข้าใจ จึงต้องใช้วิธีประมวลและกลั่นกรองจากพระราชดำรัสที่พระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ รวมทั้งรวบรวมความรู้จากแหล่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความหลากหลายในความคิดเห็น และมีขอบเขตกว้างขวางลึกซึ้งแตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละคนมีสติปัญญา ความรู้ นิสัย ทัศนคติ อาชีพ ประสบการณ์ สภาพแวดล้อม ภูมิหลัง และภูมิธรรมที่ต่างกัน ไม่อาจจะตัดสินได้ว่าความคิดเห็นใครผิดใครถูก หรือใครถูกมากกว่ากัน เพราะใครศรัทธาและนำไปใช้อย่างจริงจังในเรื่องใดก็ได้ผลดีในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคิดหลากหลายของแต่ละคนนั้น มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือ การยอมรับว่าหลักปรัชญาฯ เป็นแนวทางอันประเสริฐที่จะช่วยให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยและมีความสุข ถ้ารู้จักพอในสิ่งที่ตนมีอยู่ อันจะทำให้ตนเองเข้มแข็งและมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งการศึกษาเพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของหลักปรัชญา ฯ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากไม่มีตำราหรือเอกสารเฉพาะที่จะใช้ค้นคว้าและยึดเป็นหลักอ้างอิงได้ ดังนั้นการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลมาศึกษาทำความเข้าใจ จึงต้องใช้วิธีประมวลและกลั่นกรองจากพระราชดำรัสที่พระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ รวมทั้งรวบรวมความรู้จากแหล่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความหลากหลายในความคิดเห็น และมีขอบเขตกว้างขวางลึกซึ้งแตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละคนมีสติปัญญา ความรู้ นิสัย ทัศนคติ อาชีพ ประสบการณ์ สภาพแวดล้อม ภูมิหลัง และภูมิธรรมที่ต่างกัน ไม่อาจจะตัดสินได้ว่าความคิดเห็นใครผิดใครถูก หรือใครถูกมากกว่ากัน เพราะใครศรัทธาและนำไปใช้อย่างจริงจังในเรื่องใดก็ได้ผลดีในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคิดหลากหลายของแต่ละคนนั้น มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือ การยอมรับว่าหลักปรัชญาฯ เป็นแนวทางอันประเสริฐที่จะช่วยให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยและมีความสุข ถ้ารู้จักพอในสิ่งที่ตนมีอยู่ อันจะทำให้ตนเองเข้มแข็งและมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
การจัดทำ " แนวทางการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการปฏิบัติงาน
ของกระทรวงกลาโหม " ฉบับนี้ กระทรวงกลาโหมได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณา
ประกอบกับนโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๐ แผนแม่บทการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม ยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ มาเป็นกรอบในการจัดทำแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหมในบทบาทต่าง ๆ ซึ่งเมื่อศึกษาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่าหลักปรัชญานี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกเรื่องราวทุกสถานการณ์ไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะช่วยให้คนมีสติและเกิดปัญญาในการใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยแท้จริงก็คือหลักธรรมนั่นเอง
ของกระทรวงกลาโหม " ฉบับนี้ กระทรวงกลาโหมได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณา
ประกอบกับนโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๐ แผนแม่บทการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม ยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ มาเป็นกรอบในการจัดทำแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหมในบทบาทต่าง ๆ ซึ่งเมื่อศึกษาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่าหลักปรัชญานี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกเรื่องราวทุกสถานการณ์ไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะช่วยให้คนมีสติและเกิดปัญญาในการใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยแท้จริงก็คือหลักธรรมนั่นเอง
การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหม จะได้ผลเพียงใด จึงขึ้นอยู่กับความศรัทธาและความจริงจังของกำลังพลทุกคน อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินงานตามแนวทางนี้ กระทรวงกลาโหมจะมีการติดตามและประเมินผลเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมยิ่งขึ้น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่กระทรวงกลาโหมและประเทศชาติต่อไป
แก่กระทรวงกลาโหมและประเทศชาติต่อไป
พลเอก
( บุญรอด สมทัศน์ )
ธันวาคม ๒๕๕๐
สารบัญ
.............................................
หน้า
คำนำ
บทที่ ๑ : กล่าวทั่วไป ๑
บทที่ ๒ : หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๗
บทที่ ๓ : การประยุกต์ใช้ ๑๑
ด้านการสร้างองค์ความรู้ ๑๑
ด้านการพัฒนากำลังพล ๑๒
ด้านการเตรียมกำลัง ๑๓
ด้านการใช้กำลังทหาร ๑๖
ด้านการบริหารจัดการ ๒๐
บทที่ ๔ : แนวทางการดำเนินการตามนโยบายการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๒๓
มาใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงานของ กห. ภาคผนวก : ความสัมพันธ์ของหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๕
กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทาน
กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทาน
.............................................
บทที่ ๑
กล่าวทั่วไป
.............................................
กระทรวงกลาโหม มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ และสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ซึ่งจากอำนาจหน้าที่ดังกล่าวทำให้กระทรวงกลาโหมต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร และการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก เพื่อประเมินสถานการณ์ภัยคุกคามที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัย
และผลประโยชน์ของชาติอย่างต่อเนื่อง กระทรวงกลาโหมจึงได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของกระทรวง กลาโหม เพื่อให้กองทัพมีความพร้อมในการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชาติได้อย่างเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ได้ทันที รวมทั้งช่วยให้กองทัพมีระบบการควบคุม ระบบการบริหารจัดการที่ดี และพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยกระทรวงกลาโหมได้ตรวจสอบสถานการณ์ความมั่นคง
ในภาพรวม รวมทั้งกำหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้
และผลประโยชน์ของชาติอย่างต่อเนื่อง กระทรวงกลาโหมจึงได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของกระทรวง กลาโหม เพื่อให้กองทัพมีความพร้อมในการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชาติได้อย่างเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ได้ทันที รวมทั้งช่วยให้กองทัพมีระบบการควบคุม ระบบการบริหารจัดการที่ดี และพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยกระทรวงกลาโหมได้ตรวจสอบสถานการณ์ความมั่นคง
ในภาพรวม รวมทั้งกำหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้
๑. สถานการณ์ความมั่นคงในภาพรวม มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้
๑.๑ สถานการณ์โลก จากแนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order)
ที่มีสหรัฐ ฯ และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกเป็นแกนนำ และผลแห่งกระแสโลกาภิวัตน์ คือความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้คนทั้งโลกติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้พร้อมกันทั่วทุกมุมโลก ได้ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการทหารในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมาก เกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้ง
การพยายามครอบงำทางเศรษฐกิจและแสวงประโยชน์อื่น ๆ จากประเทศที่กำลังพัฒนา โดยใช้กระแสสิทธิและเสรีภาพ เช่น การปกครองแบบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน การค้าเสรี และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เป็นต้น เป็นผลทำให้สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำรงอยู่และการพัฒนากองทัพ ได้แก่
ที่มีสหรัฐ ฯ และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกเป็นแกนนำ และผลแห่งกระแสโลกาภิวัตน์ คือความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้คนทั้งโลกติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้พร้อมกันทั่วทุกมุมโลก ได้ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการทหารในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมาก เกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้ง
การพยายามครอบงำทางเศรษฐกิจและแสวงประโยชน์อื่น ๆ จากประเทศที่กำลังพัฒนา โดยใช้กระแสสิทธิและเสรีภาพ เช่น การปกครองแบบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน การค้าเสรี และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เป็นต้น เป็นผลทำให้สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำรงอยู่และการพัฒนากองทัพ ได้แก่
๑.๑.๑ ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจกับกลุ่มก่อการร้าย นับตั้งแต่วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ความขัดแย้งดังกล่าวได้ส่งผลให้การเมืองระดับโลกเกิดการแบ่งฝ่าย
ที่ชัดเจนขึ้นจนเห็นได้ชัด ทั้งกลุ่มอุดมการณ์ทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ตระหนักถึงภัยคุกคามและความเสียหายที่เกิดจากการก่อการร้าย ทั้งทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ โดยได้หันมาเพิ่มความร่วมมือเพื่อต่อต้านขบวนการก่อการร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
ที่ชัดเจนขึ้นจนเห็นได้ชัด ทั้งกลุ่มอุดมการณ์ทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ตระหนักถึงภัยคุกคามและความเสียหายที่เกิดจากการก่อการร้าย ทั้งทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ โดยได้หันมาเพิ่มความร่วมมือเพื่อต่อต้านขบวนการก่อการร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
- ๒ -
๑.๑.๒ ความขัดแย้งของประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ยังคงมีกรณี
ความขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ ของภูมิภาค อาทิ ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน ซึ่งในอนาคตอาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานซึ่งทั้งสองประเทศต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในความครอบครองน่าจะยังคงมีความขัดแย้งกันต่อไป ความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันที่ต้องการประกาศเอกราชก็อาจขยายตัวจนเกิดสงครามขึ้นได้ในอนาคต และปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งการเจรจายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เป็นต้น
ความขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ ของภูมิภาค อาทิ ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน ซึ่งในอนาคตอาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานซึ่งทั้งสองประเทศต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในความครอบครองน่าจะยังคงมีความขัดแย้งกันต่อไป ความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันที่ต้องการประกาศเอกราชก็อาจขยายตัวจนเกิดสงครามขึ้นได้ในอนาคต และปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งการเจรจายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เป็นต้น
๑.๒ สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีการพัฒนาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่องทั้งกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะการร่วมลงนามในกฎบัตรอาเซียน ในการประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ทำให้กระบวนการรวมกลุ่มของอาเซียน มีสถานะความเป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับ และมีพันธะสัญญาต่อกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาของอาเซียนมีความหลากหลายและแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก และสะสมจากปัญหาภายในประเทศของแต่ละประเทศมาเป็นเวลานาน ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ระบบการปกครอง เศรษฐกิจ และสภาพการดำรงชีวิต ในขณะเดียวกัน อาเซียนยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้ามชาติที่ทวีความรุนแรง และต้องอาศัย
ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหา อาเซียนจึงให้ความสำคัญมากขึ้น
กับการส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ได้แก่ ความร่วมมือ
ในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล อาชญากรรมข้ามชาติ การป้องกันภัยจากโจรสลัดในช่องแคบมะละกา การจัดการภัยพิบัติ การป้องกันโรคระบาด และการจัดทำเขตการค้าเสรี เป็นต้น
ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก และสะสมจากปัญหาภายในประเทศของแต่ละประเทศมาเป็นเวลานาน ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ระบบการปกครอง เศรษฐกิจ และสภาพการดำรงชีวิต ในขณะเดียวกัน อาเซียนยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้ามชาติที่ทวีความรุนแรง และต้องอาศัย
ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหา อาเซียนจึงให้ความสำคัญมากขึ้น
กับการส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ได้แก่ ความร่วมมือ
ในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล อาชญากรรมข้ามชาติ การป้องกันภัยจากโจรสลัดในช่องแคบมะละกา การจัดการภัยพิบัติ การป้องกันโรคระบาด และการจัดทำเขตการค้าเสรี เป็นต้น
๑.๓ สถานการณ์ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ในทศวรรษที่ผ่านมาสถานการณ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านได้พัฒนาสู่ทิศทางการมีความร่วมมือที่ดีต่อกัน เพราะต่างเห็นความสำคัญของความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาที่แตกต่างกัน และเพิ่มพูนอำนาจการแข่งขันไปด้วยกัน จึงได้มีความพยายามที่จะสร้างกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาค ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยยุทธศาสตร์ในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดความเข้าใจและไว้วางใจนั้น มีโครงการความร่วมมือด้านความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ด้วยการใช้ปัญหาที่เผชิญร่วมกันเป็นตัวตั้ง และช่วยเหลือกันในการร่วมกันหาวิธีแก้ปัญหา การเรียนรู้พึ่งพากันโดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นปัจจัยยึดโยง เพื่อทำให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อกัน สำหรับด้านพลังงาน การท่องเที่ยวและการคมนาคม ได้มีการสร้างความร่วมมือและพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาค เพื่อใช้เป็นเส้นทางติดต่อแลกเปลี่ยนด้านสินค้าและบริการ และการเดินทางข้ามแดนที่มีการผ่อนคลายให้มีความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทยได้ยึดหลักการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน บนพื้นฐาน
- ๓ -
ของความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยังคงมีอยู่ เช่น การปักปันเขตแดน ยาเสพติดตามแนวชายแดน การประมงข้ามเขต และผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้มีผล
เป็นรูปธรรมต่อไป
เป็นรูปธรรมต่อไป
๑.๔ สถานการณ์ภายในประเทศ ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากแนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่และกระแสโลกาภิวัตน์ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจ การเมือง และการรุกรานทางวัฒนธรรมที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั่งเดิม ทำให้คนไทยบางส่วน
เกิดค่านิยมที่ผิด เช่น มีค่านิยมทางวัตถุเกินพอดีจนลืมรากฐานที่ดีงามของตนเองและสังคมไทย ขาดวินัยทางการเงิน มีนิสัยสุรุ่ยสุร่าย มีหนี้สินมากเกินตัว ละทิ้งวัฒนธรรมของชาติ ละเลยคุณธรรมและจริยธรรม
กล้าทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรมเพื่อประโยชน์ของตน มีการทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้น มีการใช้อำนาจหน้าที่แสวงประโยชน์ส่วนตน การบังคับใช้กฎหมายหย่อนยานและมีการเลือกปฏิบัติ ส่งผลให้สำนึกในความรักชาติลดลง เกิดสภาพหย่อนยานของอำนาจรัฐและภูมิคุ้มกันของสังคมไทยต่ำลง นอกจากนี้ ปัญหาการก่อความ
ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ตลอดจนปัญหาที่เป็นเรื่องสืบเนื่องจากอดีต อาทิ ปัญหายาเสพติด และปัญหาแรงงานต่างด้าว ยังเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
ทั้งยังจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และโรคระบาดที่รุนแรง ซึ่งทำให้มีการใช้กำลังทหารนอกเหนือจากภารกิจหลักเพิ่มมากขึ้น
เกิดค่านิยมที่ผิด เช่น มีค่านิยมทางวัตถุเกินพอดีจนลืมรากฐานที่ดีงามของตนเองและสังคมไทย ขาดวินัยทางการเงิน มีนิสัยสุรุ่ยสุร่าย มีหนี้สินมากเกินตัว ละทิ้งวัฒนธรรมของชาติ ละเลยคุณธรรมและจริยธรรม
กล้าทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรมเพื่อประโยชน์ของตน มีการทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้น มีการใช้อำนาจหน้าที่แสวงประโยชน์ส่วนตน การบังคับใช้กฎหมายหย่อนยานและมีการเลือกปฏิบัติ ส่งผลให้สำนึกในความรักชาติลดลง เกิดสภาพหย่อนยานของอำนาจรัฐและภูมิคุ้มกันของสังคมไทยต่ำลง นอกจากนี้ ปัญหาการก่อความ
ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ตลอดจนปัญหาที่เป็นเรื่องสืบเนื่องจากอดีต อาทิ ปัญหายาเสพติด และปัญหาแรงงานต่างด้าว ยังเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
ทั้งยังจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และโรคระบาดที่รุนแรง ซึ่งทำให้มีการใช้กำลังทหารนอกเหนือจากภารกิจหลักเพิ่มมากขึ้น
๑.๕ สถานการณ์ภายในกองทัพ จากการที่สถานการณ์ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และการทหารอยู่ตลอดเวลา ทำให้กองทัพต้องตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเอง
ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมและภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคง
ของประเทศ โดยต้องพร้อมที่จะปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติ แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการ
ต่อการพัฒนาขีดความสามารถกองทัพ ได้แก่
ทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และการทหารอยู่ตลอดเวลา ทำให้กองทัพต้องตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเอง
ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมและภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคง
ของประเทศ โดยต้องพร้อมที่จะปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติ แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการ
ต่อการพัฒนาขีดความสามารถกองทัพ ได้แก่
๑.๕.๑ ด้านงบประมาณ มีตัวแปรสองประการที่เป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนากองทัพ ตัวแปรประการแรก คือ จำนวนงบประมาณที่ได้รับแต่ละปีมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศ
และเทียบกับมาตรฐานงบประมาณด้านการป้องกันประเทศของประเทศอาเซียนชั้นนำอื่น ๆ ตัวแปรประการที่สอง คือ ค่าใช้จ่ายประจำมีปริมาณสูงถึงประมาณร้อยละ ๗๐ ทำให้งบประมาณสำหรับนำไปพัฒนากองทัพในแต่ละปีมีไม่เพียงพอ ซึ่งหากจะให้การพัฒนากองทัพเกิดผลเร็วขึ้น จะต้องหาทางแก้ไขสัดส่วนของงบประมาณระหว่างค่าใช้จ่ายประจำกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนากองทัพให้เหมาะสมกว่าปัจจุบัน ซึ่งมีหนทางแก้ไขอยู่ ๒ วิธี คือการเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้น และการลดค่าใช้จ่ายประจำ
และเทียบกับมาตรฐานงบประมาณด้านการป้องกันประเทศของประเทศอาเซียนชั้นนำอื่น ๆ ตัวแปรประการที่สอง คือ ค่าใช้จ่ายประจำมีปริมาณสูงถึงประมาณร้อยละ ๗๐ ทำให้งบประมาณสำหรับนำไปพัฒนากองทัพในแต่ละปีมีไม่เพียงพอ ซึ่งหากจะให้การพัฒนากองทัพเกิดผลเร็วขึ้น จะต้องหาทางแก้ไขสัดส่วนของงบประมาณระหว่างค่าใช้จ่ายประจำกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนากองทัพให้เหมาะสมกว่าปัจจุบัน ซึ่งมีหนทางแก้ไขอยู่ ๒ วิธี คือการเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้น และการลดค่าใช้จ่ายประจำ
๑.๕.๒ การพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกองทัพยังคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีการป้องกันประเทศจากมิตรประเทศ ทำให้ใช้จ่ายงบประมาณมากแต่ยังมีความขาดแคลน และล้าสมัย ไม่อาจสนองตอบความต้องการของกองทัพได้ ซึ่งวิถีทางดังกล่าวนี้หากไม่พยายาม
กำหนดแนวทางพัฒนาตนเองให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าแล้ว ประเทศไทยก็จะมี
กำหนดแนวทางพัฒนาตนเองให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าแล้ว ประเทศไทยก็จะมี
- ๔ -
ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา เพราะการขจัดความเสี่ยงด้วยการรับความช่วยเหลือ
จากมิตรประเทศหรือการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศนั้นเป็นการพึ่งพาผู้อื่น ขาดการวางรากฐานของการพึ่งพาตนเอง ดังนั้นการหันกลับไปมองสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และพัฒนา
ขึ้นมาให้สนองตอบความต้องการของเหล่าทัพให้ได้บ้างแล้ว ก็จะเป็นการขจัดปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศบางส่วนลงได้ นอกจากนี้ ยังควรพัฒนากิจกรรมด้านอื่นๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่และจำเป็นแก่การป้องกันประเทศโดยตรง เช่น การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระบบกำลังสำรอง และการระดมสรรพกำลังเพื่อความต่อเนื่องในการรบ เป็นต้น
จากมิตรประเทศหรือการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศนั้นเป็นการพึ่งพาผู้อื่น ขาดการวางรากฐานของการพึ่งพาตนเอง ดังนั้นการหันกลับไปมองสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และพัฒนา
ขึ้นมาให้สนองตอบความต้องการของเหล่าทัพให้ได้บ้างแล้ว ก็จะเป็นการขจัดปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศบางส่วนลงได้ นอกจากนี้ ยังควรพัฒนากิจกรรมด้านอื่นๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่และจำเป็นแก่การป้องกันประเทศโดยตรง เช่น การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระบบกำลังสำรอง และการระดมสรรพกำลังเพื่อความต่อเนื่องในการรบ เป็นต้น
๑.๖ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบันได้ก้าว
เข้าสู่ภาวะโลกไร้พรมแดนหรือยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการทหารจากรูปแบบเดิม
ไปสู่การจัดหน่วยที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ด้วยการมีเทคโนโลยีสูง มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่
มีอำนาจการยิงสูง มีระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพ มีเทคโนโลยีที่สามารถแจ้งเตือนการล้ำแดนในระยะไกลที่ทำให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการใช้กองกำลังเข้าแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ยุทธศาสตร์การปฏิบัติการเชิงรุกและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ส่งแรงผลักดันต่อการพัฒนาขีดความสามารถกองทัพเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกประเทศต่างใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาขีดความสามารถกองทัพของตนให้สูงขึ้น ดังนั้นกองทัพไทยจึงต้องปรับตัวเองให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกรูปแบบ
เข้าสู่ภาวะโลกไร้พรมแดนหรือยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการทหารจากรูปแบบเดิม
ไปสู่การจัดหน่วยที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ด้วยการมีเทคโนโลยีสูง มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่
มีอำนาจการยิงสูง มีระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพ มีเทคโนโลยีที่สามารถแจ้งเตือนการล้ำแดนในระยะไกลที่ทำให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการใช้กองกำลังเข้าแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ยุทธศาสตร์การปฏิบัติการเชิงรุกและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ส่งแรงผลักดันต่อการพัฒนาขีดความสามารถกองทัพเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกประเทศต่างใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาขีดความสามารถกองทัพของตนให้สูงขึ้น ดังนั้นกองทัพไทยจึงต้องปรับตัวเองให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกรูปแบบ
๒. วัตถุประสงค์และเป้าหมาย จากสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการทหารของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยดังที่กล่าวข้างต้น
จะเห็นว่านอกจากภัยคุกคามทางทหารแล้ว กองทัพไทยยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงสาธารณภัยและภัยพิบัติที่กระทบต่อความสงบสุขของประชาชน ซึ่งภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ มีผลต่อการกำหนดนโยบายการใช้กำลังทหารนอกเหนือจากภารกิจหลักเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นกระทรวงกลาโหมจำเป็น ต้องปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารจัดการ โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม เพื่อพัฒนากองทัพให้มีขีดความสามารถ
ที่หลากหลาย พึ่งพาตนเองได้ สามารถเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกประเภททุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนารูปแบบการปฏิบัติการที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาได้ทุกปัญหา โดยได้กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้
จะเห็นว่านอกจากภัยคุกคามทางทหารแล้ว กองทัพไทยยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงสาธารณภัยและภัยพิบัติที่กระทบต่อความสงบสุขของประชาชน ซึ่งภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ มีผลต่อการกำหนดนโยบายการใช้กำลังทหารนอกเหนือจากภารกิจหลักเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นกระทรวงกลาโหมจำเป็น ต้องปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารจัดการ โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม เพื่อพัฒนากองทัพให้มีขีดความสามารถ
ที่หลากหลาย พึ่งพาตนเองได้ สามารถเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกประเภททุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนารูปแบบการปฏิบัติการที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาได้ทุกปัญหา โดยได้กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้
๒.๑ วัตถุประสงค์
๒.๑.๑ เพื่อเป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในฐานะองค์จอมทัพไทย ที่ทรงมุ่งหวังให้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิถีการดำรงชีพและการปฏิบัติตนของคนไทย เพื่อเสริมรากฐานของชีวิตให้มีความมั่นคงภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก
ซึ่งกระทรวงกลาโหม ในฐานะหน่วยงานของรัฐ จะเป็นตัวอย่างในการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ในฐานะองค์จอมทัพไทย ที่ทรงมุ่งหวังให้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิถีการดำรงชีพและการปฏิบัติตนของคนไทย เพื่อเสริมรากฐานของชีวิตให้มีความมั่นคงภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก
ซึ่งกระทรวงกลาโหม ในฐานะหน่วยงานของรัฐ จะเป็นตัวอย่างในการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- ๕ -
๒.๑.๒ เพื่อให้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นวัฒนธรรมใหม่ทางความคิด
ในการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม
ในการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม
๒.๑.๓ เพื่อเสริมสร้างสังคมแห่งคุณธรรม (คือ สภาพคุณงามความดี) และจริยธรรม (คือ ธรรมอันเป็นข้อประพฤติ) ในกองทัพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
๒.๒ เป้าหมาย
๒.๒.๑ การพัฒนาคน โดยการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแก่กำลังพลและครอบครัวทุกระดับ ให้นำไปใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตส่วนตัวและการพัฒนาตนเองให้เป็นคนเก่งและคนดี คือเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความรอบรู้และมีคุณธรรม ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สำนึกในส่วนรวม เสียสละ และกล้าหาญ
๒.๒.๒ การพัฒนากองทัพ โดยพัฒนาให้กองทัพมีความเข้มแข็ง เป็นกองทัพ
แห่งทหารอาชีพ มีความพร้อมรบและรบได้จริง เป็นหลักประกันอธิปไตยของชาติได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
บนหลักของการประหยัดและการพึ่งพาตนเอง
แห่งทหารอาชีพ มีความพร้อมรบและรบได้จริง เป็นหลักประกันอธิปไตยของชาติได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
บนหลักของการประหยัดและการพึ่งพาตนเอง
......................................................
บทที่ ๒
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
......................................................
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสชี้แนะแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๓๐ ปี และได้ทรงเน้นย้ำแนวทางพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
การป้องกันให้รอดพ้นจากวิกฤต และให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี ๒๕๔๐ เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
การป้องกันให้รอดพ้นจากวิกฤต และให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี ๒๕๔๐ เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานหลัก
ในการวางแผนของประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้อัญเชิญ
มาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับมีความเข้าใจในหลักปรัชญา ฯ และนำไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรม
ราชานุญาต ให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ มีใจความดังนี้
ในการวางแผนของประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้อัญเชิญ
มาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับมีความเข้าใจในหลักปรัชญา ฯ และนำไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรม
ราชานุญาต ให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ มีใจความดังนี้
“ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชน
ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ
ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ”
ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ
ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ”
- ๘ -
หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพิจารณาอยู่ด้วยกัน ๕ ส่วน ดังนี้
๑. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทาง
ที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา
และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤต
เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
ที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา
และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤต
เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
๒. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้
ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
๓. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
๓.๑ ความพอประมาณ หมายถึงความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไป
โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๓.๒ ความมีเหตุผล หมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก
การกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
การกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
๓.๓ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและ
การเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่า
จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
การเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่า
จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
๔. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น
ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
๔.๑ เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วยความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
๔.๒ เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต ไม่โลภ และไม่ตระหนี่
๕. แนวทางปฏิบัติ/ ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาประยุกต์ใช้ คือการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
มาประยุกต์ใช้ คือการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานข้างต้น
เป็นที่มาของ นิยาม “ ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ” ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบัน
เป็นที่มาของ นิยาม “ ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ” ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบัน
......................................................
- ๙ -
สรุปปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การประยุกต์ใช้
..............................................
การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการปฏิบัติงานนั้น ต้องการให้กำลังพลและกองทัพตั้งหลักความคิดตามหลักปรัชญา ฯ ไว้ในเบื้องต้นทุกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มพินิจพิจารณาดำเนินการใด ๆ กล่าวคือ ต้องมีสติ มีจิตสำนึกทางศีลธรรมและคุณธรรม ไม่ประมาท คิดทำอะไรอย่างมีเหตุผล จะทำให้เป็นที่วางใจได้ว่างานทุกอย่างที่คิดทำนั้น จะตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของส่วนรวมโดยแท้จริงและจะไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อสังคม เพราะการจะใช้หลักปรัชญา ฯ ให้ได้ผล ผู้ใช้จะต้องเป็นผู้ที่มีพื้นฐานคุณธรรม
ที่ดีในจิตใจเสียก่อน การใช้ความรู้จะเป็นลักษณะของการไม่ถูกครอบงำด้วยความอยาก คือเกิดเป็นปัญญาในการสร้างสรรค์งาน บนความมีเหตุมีผลทางวิชาการ และกฎเกณฑ์สังคม คือกฎหมายและศีลธรรม ดังนั้นเรื่องใดที่กระทำโดยคนที่มีคุณธรรมแล้ว ย่อมเป็นเรื่องที่จะสร้างประโยชน์และความสุขแก่ส่วนรวม
อย่างแน่นอน ซึ่งมีแนวทางการประยุกต์ใช้ ๕ ด้านที่สำคัญ ดังนี้
ที่ดีในจิตใจเสียก่อน การใช้ความรู้จะเป็นลักษณะของการไม่ถูกครอบงำด้วยความอยาก คือเกิดเป็นปัญญาในการสร้างสรรค์งาน บนความมีเหตุมีผลทางวิชาการ และกฎเกณฑ์สังคม คือกฎหมายและศีลธรรม ดังนั้นเรื่องใดที่กระทำโดยคนที่มีคุณธรรมแล้ว ย่อมเป็นเรื่องที่จะสร้างประโยชน์และความสุขแก่ส่วนรวม
อย่างแน่นอน ซึ่งมีแนวทางการประยุกต์ใช้ ๕ ด้านที่สำคัญ ดังนี้
๑. ด้านการสร้างองค์ความรู้ (มีความรู้คู่คุณธรรม ) ส่งเสริมการศึกษาของกำลังพล
ให้มีความรู้ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและในศาสตร์ต่างๆ อย่างหลากหลายให้เท่าทัน
กับความก้าวหน้าทางวิทยาการของโลกที่มีความรู้แปลกใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งสนับสนุน
ให้มาตรฐานการศึกษาของกำลังพลในกองทัพเป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป เพื่อสร้างสังคมแห่งปัญญา
ขึ้นในกองทัพ ซึ่งจะเป็นศักยภาพด้านองค์ความรู้ที่จะรองรับการพัฒนากองทัพในด้านต่าง ๆ ต่อไป โดยมี
แนวทางดังนี้
ให้มีความรู้ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและในศาสตร์ต่างๆ อย่างหลากหลายให้เท่าทัน
กับความก้าวหน้าทางวิทยาการของโลกที่มีความรู้แปลกใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งสนับสนุน
ให้มาตรฐานการศึกษาของกำลังพลในกองทัพเป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป เพื่อสร้างสังคมแห่งปัญญา
ขึ้นในกองทัพ ซึ่งจะเป็นศักยภาพด้านองค์ความรู้ที่จะรองรับการพัฒนากองทัพในด้านต่าง ๆ ต่อไป โดยมี
แนวทางดังนี้
๑.๑ การศึกษาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการเผยแพร่ความรู้นั้นให้ทุกเหล่าทัพบรรจุเนื้อหา (วิชา) หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้ในหลักสูตรการฝึกศึกษาในระดับต่าง ๆ ทุกหลักสูตร ตั้งแต่หลักสูตรการฝึกทหารใหม่ การศึกษาในโรงเรียนซึ่งมีหน้าที่ผลิตกำลังพลชั้นประทวนและ
ชั้นสัญญาบัตร (รร. ผลิตนายทหารชั้นประทวน, รร.จปร. ,รร.นอ., รร.นร.) หลักสูตรการศึกษาตามแนวทางรับราชการของนายทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร วิทยาลัยการทัพ จนถึงระดับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และอาจจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับผู้บังคับหน่วยและฝ่ายอำนวยการ เพื่อให้นำความรู้ไปเผยแพร่แก่กำลังพลของหน่วยและครอบครัว การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ภายในหน่วยและระหว่างหน่วย และสนับสนุนการศึกษาวิจัยในหัวข้อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
ชั้นสัญญาบัตร (รร. ผลิตนายทหารชั้นประทวน, รร.จปร. ,รร.นอ., รร.นร.) หลักสูตรการศึกษาตามแนวทางรับราชการของนายทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร วิทยาลัยการทัพ จนถึงระดับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และอาจจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับผู้บังคับหน่วยและฝ่ายอำนวยการ เพื่อให้นำความรู้ไปเผยแพร่แก่กำลังพลของหน่วยและครอบครัว การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ภายในหน่วยและระหว่างหน่วย และสนับสนุนการศึกษาวิจัยในหัวข้อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
๑.๒ การศึกษาตามแนวทางรับราชการ พิจารณาจัดระบบการศึกษาที่ให้โอกาส
กำลังพลในแต่ละระดับหรือแต่ละประเภท ได้รับการศึกษาตามแนวทางรับราชการอย่างเท่าเทียมและเพียงพอต่อหน้าที่รับผิดชอบ
กำลังพลในแต่ละระดับหรือแต่ละประเภท ได้รับการศึกษาตามแนวทางรับราชการอย่างเท่าเทียมและเพียงพอต่อหน้าที่รับผิดชอบ
๑.๓ การแสวงหาความรู้ในศาสตร์อื่น ๆ โดยส่งเสริมให้กำลังพลเข้าศึกษาหาความรู้ในสถาบันการศึกษา ต่าง ๆ ที่แม้จะไม่ตรงกับหน้าที่การงาน เพื่อให้กองทัพมีบุคลากรที่มีความหลากหลาย
- ๑๒ -
และเป็นผู้รักการศึกษา มีความคิดอ่านก้าวทันโลก และจัดให้มีกิจกรรมทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาของกองทัพกับสถาบันการศึกษาของพลเรือน เช่น การสร้างความร่วมมือทางวิชาการ และการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เป็นต้น
๒. ด้านการพัฒนากำลังพล อาจกล่าวได้ว่ากำลังพลนั้นคือแก่นของกองทัพ หากขาดกำลังพลที่มีคุณภาพเสียแล้ว กองทัพก็ไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้นการพัฒนากำลังพลจึงเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังพลของกองทัพเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ กล่าวคือเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในศาสตร์ต่างๆ ควบคู่กับการมีคุณธรรมที่เพียงพอจนถึงระดับที่ประชาชนหวังพึ่งพิงได้อย่างวางใจ และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ในโลกยุคปัจจุบันเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีผลกระทบต่อระบบการป้องกันประเทศและรูปแบบการปฏิบัติการทางทหารเป็นอย่างมาก การมีเทคโนโลยีที่ต่ำกว่าย่อมหมายถึงประเทศมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขจัดความเสี่ยงเฉพาะหน้าอาจใช้วิธีซื้อหาได้ แต่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนนั้นจะต้องใช้บุคลากรของกองทัพที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ อย่างเพียงพอ ดังนั้นกองทัพจะต้องพัฒนากำลังพลให้มีมาตรฐานความรู้ความสามารถที่หลากหลาย ตามความต้องการสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในด้านต่าง ๆ โดยต้องพัฒนาไปสู่การเป็นมืออาชีพเฉพาะสาขาหรือเฉพาะงานด้วย ดังนั้นจึงต้องพัฒนาศักยภาพของกำลังพลในทุกมิติ คือ ด้านร่างกาย จิตใจ ปัญญา ความรู้ คุณธรรม (สติปัญญา คือ ความรู้คู่คุณธรรม) และคุณภาพชีวิต เพื่อให้กำลังพลมีขวัญกำลังใจ ซึ่งเป็นอำนาจกำลังรบที่สำคัญที่สุดของกองทัพ ทั้งนี้มีแนวทางการพัฒนากำลังพล ๕ ประการ ดังนี้
๒.๑ การพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันการดำรงชีวิตส่วนตัวของ
กำลังพลและครอบครัวให้มีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะอบรมเผยแพร่ความรู้หลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงให้นำไปใช้ในการดำรงชีวิตส่วนตัวแล้ว หน่วยทุกระดับควรจัดระบบสวัสดิการแก่กำลังพลและครอบครัวให้พอเพียงตามความเหมาะสม ตั้งแต่การจัดที่อยู่อาศัยให้ทั่วถึงและเป็นธรรม จัดระบบบริการด้านการเงินต่าง ๆ เช่น ระบบเงินออม (ภาคบังคับ) เงินกู้ยืมเพื่อสร้างฐานะและบรรเทาทุกข์ ระบบการควบคุมหนี้สินและการปลดหนี้ และเงินฌาปนกิจ เป็นต้น รวมทั้งควรจัดสวัสดิการด้านมาตรการ
ลดรายจ่ายและส่งเสริมการเพิ่มรายได้แก่กำลังพล อาทิ การจัดระบบบริการสินค้าราคาถูกที่จำเป็น
ต่อการดำรงชีพอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง การส่งเสริมอาชีพให้แก่ครอบครัวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยใช้ศักยภาพและทรัพยากรของกองทัพที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ การใช้ที่ดินว่างเปล่าเพื่อทำการค้า การเกษตร ปศุสัตว์ ประมง การปลูกป่าเศรษฐกิจไม้โตเร็ว การจัดทำแหล่งท่องเที่ยวในหน่วยทหาร หรือส่งเสริมการทำกิจกรรมอื่นเพื่อเป็นแหล่งจ้างงาน นอกจากนี้ควรพิจารณาขยายระบบการช่วยเหลือด้านอื่นๆ นอกจากการแจกจ่าย
อาภรณ์ภัณฑ์ประจำปี รวมทั้งควรจัดให้มีระบบติดตามการดำเนินงานทั้งในภาพรวมของกองทัพและ
ในระดับบุคคล เพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
กำลังพลและครอบครัวให้มีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะอบรมเผยแพร่ความรู้หลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงให้นำไปใช้ในการดำรงชีวิตส่วนตัวแล้ว หน่วยทุกระดับควรจัดระบบสวัสดิการแก่กำลังพลและครอบครัวให้พอเพียงตามความเหมาะสม ตั้งแต่การจัดที่อยู่อาศัยให้ทั่วถึงและเป็นธรรม จัดระบบบริการด้านการเงินต่าง ๆ เช่น ระบบเงินออม (ภาคบังคับ) เงินกู้ยืมเพื่อสร้างฐานะและบรรเทาทุกข์ ระบบการควบคุมหนี้สินและการปลดหนี้ และเงินฌาปนกิจ เป็นต้น รวมทั้งควรจัดสวัสดิการด้านมาตรการ
ลดรายจ่ายและส่งเสริมการเพิ่มรายได้แก่กำลังพล อาทิ การจัดระบบบริการสินค้าราคาถูกที่จำเป็น
ต่อการดำรงชีพอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง การส่งเสริมอาชีพให้แก่ครอบครัวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยใช้ศักยภาพและทรัพยากรของกองทัพที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ การใช้ที่ดินว่างเปล่าเพื่อทำการค้า การเกษตร ปศุสัตว์ ประมง การปลูกป่าเศรษฐกิจไม้โตเร็ว การจัดทำแหล่งท่องเที่ยวในหน่วยทหาร หรือส่งเสริมการทำกิจกรรมอื่นเพื่อเป็นแหล่งจ้างงาน นอกจากนี้ควรพิจารณาขยายระบบการช่วยเหลือด้านอื่นๆ นอกจากการแจกจ่าย
อาภรณ์ภัณฑ์ประจำปี รวมทั้งควรจัดให้มีระบบติดตามการดำเนินงานทั้งในภาพรวมของกองทัพและ
ในระดับบุคคล เพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
- ๑๓ -
๒.๒ การกำหนดมาตรฐานสมรรถภาพกำลังพล เพื่อให้เป็นระบบการรักษาสมรรถภาพกำลังพลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้มีความแข็งแกร่งและรุกรบอยู่ตลอดเวลา โดยมีมาตรการบังคับ ๓ มาตรการ คือ การตรวจสุขภาพประจำปี (ปีละ ๒ ครั้ง) การทดสอบร่างกายประจำปี (ปีละ ๒ ครั้ง) การฝึกทางยุทธวิธีพื้นฐานในระดับต่างๆ ประจำปีสำหรับผู้ที่ไม่เคยรับการฝึกในแต่ละขั้น(ปีละ ๑ ครั้ง) โดยมีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั้งกองทัพ พร้อมกับจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศรองรับ
๒.๓ การเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้กำลังพลเป็นผู้มีความรู้ที่ควบคู่ด้วยคุณธรรม ซึ่งสภาพแวดล้อมในการทำงานและการอบรมจิตใจจะเป็นตัวบ่มเพาะ ดังนั้นระบบ
การปกครองบังคับบัญชาที่เป็นธรรม การบริหารงานที่สุจริตมุ่งประโยชน์ของส่วนรวม การเป็นตัวอย่างที่ดี
ของผู้บังคับบัญชา การสร้างค่านิยมในการเป็นทหารอาชีพ การอบรมทางศีลธรรมและจริยธรรมแก่กำลังพลทุกระดับอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กำลังพลเป็นผู้มีวินัย มีความซื่อสัตย์ อดทน ขยันหมั่นเพียร สำนึกในหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เสียสละ และกล้าหาญ
การปกครองบังคับบัญชาที่เป็นธรรม การบริหารงานที่สุจริตมุ่งประโยชน์ของส่วนรวม การเป็นตัวอย่างที่ดี
ของผู้บังคับบัญชา การสร้างค่านิยมในการเป็นทหารอาชีพ การอบรมทางศีลธรรมและจริยธรรมแก่กำลังพลทุกระดับอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กำลังพลเป็นผู้มีวินัย มีความซื่อสัตย์ อดทน ขยันหมั่นเพียร สำนึกในหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เสียสละ และกล้าหาญ
๒.๔ การสร้างมืออาชีพเฉพาะทาง กองทัพยังขาดบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะทาง เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นักพูด และล่ามโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาประเทศเพื่อนบ้าน( คือ พม่า เขมร มลายู จีน เวียดนาม ) ซึ่งการที่จะพัฒนากองทัพให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในที่สุดนั้น กองทัพจะต้องเริ่มสร้างมืออาชีพเพื่อรองรับงานการวิจัยและพัฒนาด้านต่างๆของตนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ เช่น การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ การพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ การสร้างรถยนต์ รถรบ การต่อเรือ การสร้างอากาศยาน เทคโนโลยีอวกาศ ระบบการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ทุกประเภท การวิจัยทางการแพทย์ด้านความมั่นคง และการวิจัยด้านอื่นๆ ที่จำเป็น โดยอาจต้องมีองค์กรด้านการวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะขึ้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการ
สืบทอดทางปัญญา ดำเนินการต่อยอดความคิดจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง โดยต้องมีเส้นทางการเจริญเติบโตในอาชีพและผลประโยชน์ตอบแทนรองรับบุคลากรดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นแรงจูงใจบุคลากรในวงการต่าง ๆ มาร่วมงาน
สืบทอดทางปัญญา ดำเนินการต่อยอดความคิดจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง โดยต้องมีเส้นทางการเจริญเติบโตในอาชีพและผลประโยชน์ตอบแทนรองรับบุคลากรดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นแรงจูงใจบุคลากรในวงการต่าง ๆ มาร่วมงาน
๒.๕ การพัฒนาระบบการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ควรมีการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตพลทหารกองประจำการจากวิธีการเดิมคือการเรียกเกณฑ์ ไปเป็นระบบอาสาสมัครให้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่ค่านิยมการเป็นทหารอาชีพ เช่นเดียวกับการผลิตกำลังพลชั้นประทวนและชั้นสัญญาบัตร ซึ่งจะทำให้สามารถเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพที่ต้องการได้ในระดับหนึ่งตั้งแต่เบื้องต้น
๓. ด้านการเตรียมกำลัง หมายถึงการเตรียมอำนาจกำลังรบของกองทัพให้อยู่ในระดับ
ที่พอเพียง และมีความพร้อมอยู่เสมอสำหรับการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ คือมีความ เสี่ยงน้อยที่สุดและมีความต่อเนื่องในการรบได้ยาวนาน บนหลักของการประหยัดและการพึ่งพาตนเอง
ได้อย่างยั่งยืนโดยให้ดำเนินการอยู่ในทางสายกลาง กล่าวคือต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน
อันได้แก่ สถานการณ์ด้านความมั่นคง สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ แนวโน้มภัยคุกคามที่คาดว่าจะต้อง
ที่พอเพียง และมีความพร้อมอยู่เสมอสำหรับการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ คือมีความ เสี่ยงน้อยที่สุดและมีความต่อเนื่องในการรบได้ยาวนาน บนหลักของการประหยัดและการพึ่งพาตนเอง
ได้อย่างยั่งยืนโดยให้ดำเนินการอยู่ในทางสายกลาง กล่าวคือต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน
อันได้แก่ สถานการณ์ด้านความมั่นคง สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ แนวโน้มภัยคุกคามที่คาดว่าจะต้อง
- ๑๔ -
เผชิญในอนาคต ภารกิจที่ได้รับมอบ และสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นสิ่งที่กองทัพต้องทำ คือการกำหนดทิศทางในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ โดยการประเมินยุทธศาสตร์และการกำหนดโครงสร้างกำลังรบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นกองทัพอเนกประสงค์ที่จะสามารถรองรับกับภัยคุกคาม
ที่เปลี่ยนแปลงไป และตอบสนองต่อภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถรองรับการพัฒนาปัจจัยที่เป็นศักย์สงคราม เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ การระดมสรรพกำลัง และระบบกำลังสำรอง เป็นต้น ให้มีความพร้อมและตั้งอยู่บนหลักของการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน หากในกรณีที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงและมีความทันสมัยที่ กห.
ไม่มีขีดความสามารถในการผลิตได้ ควรมีการพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับภารกิจภายใต้เงื่อนไขของงบประมาณที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงด้านการป้องกันประเทศลง โดยนัยกลับกันก็เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันด้านความมั่นคงของประเทศเพิ่มขึ้นตามหลักการมีภูมิคุ้มกันที่ดีพร้อม ๆ กันไปด้วย เพราะอำนาจกำลังรบที่มีประสิทธิภาพจะเปรียบเสมือนภูมิคุ้มกันเชื้อโรคของร่างกาย จากที่กล่าวมาแล้ว
การพัฒนาอำนาจกำลังรบ จึงควรดำเนินการไปในแนวทาง ดังนี้
๓.๑ งานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป้าหมายสูงสุดคือความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ โดยสามารถสนองตอบความต้องการ
ของเหล่าทัพได้ทั้งในยามปกติและภาวะวิกฤต ซึ่งงานทั้งสองส่วนเป็นงานที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
อย่างแยกไม่ออก เพราะส่วนหนึ่งเป็นงานการคิด อีกส่วนหนึ่งเป็นงานการปฏิบัติ เหล่าทัพนั้นเป็นตลาดคือผู้บริโภคที่จะเสนอความต้องการ ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดคือมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน จึงควรเริ่มต้นวางรากฐานการพึ่งพาตนเองอย่างเป็นระบบ โดยมีนโยบาย ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย และขั้นตอนที่ชัดเจน จากขั้นพื้นฐานสู่ขั้นการประยุกต์หรือต่อยอด และถึงขั้นการพัฒนาหรือคิดค้นนวัตกรรมด้วยภูมิปัญญาของตนเองในที่สุดอย่างครบวงจรของระบบงาน ตั้งแต่งานโครงสร้างพื้นฐาน
(การจัดหน่วย) งานการสร้างและสะสมองค์ความรู้เพื่อเป็นทุนทางปัญญาสำหรับการพัฒนาขั้นที่สูง ๆ ยิ่งขึ้นไป งานการวิจัยและพัฒนา งานมาตรฐานทางทหาร ระบบการผลิต และการตลาด ให้กระบวนการผลิตดำรงอยู่ได้และสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าได้ยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้กองทัพพึ่งตัวเองได้โดยลำดับพร้อม ๆ กับสามารถลดการซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศลง และจะช่วยประหยัดงบประมาณโดยมีแนวทางดังนี้
ของเหล่าทัพได้ทั้งในยามปกติและภาวะวิกฤต ซึ่งงานทั้งสองส่วนเป็นงานที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
อย่างแยกไม่ออก เพราะส่วนหนึ่งเป็นงานการคิด อีกส่วนหนึ่งเป็นงานการปฏิบัติ เหล่าทัพนั้นเป็นตลาดคือผู้บริโภคที่จะเสนอความต้องการ ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดคือมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน จึงควรเริ่มต้นวางรากฐานการพึ่งพาตนเองอย่างเป็นระบบ โดยมีนโยบาย ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย และขั้นตอนที่ชัดเจน จากขั้นพื้นฐานสู่ขั้นการประยุกต์หรือต่อยอด และถึงขั้นการพัฒนาหรือคิดค้นนวัตกรรมด้วยภูมิปัญญาของตนเองในที่สุดอย่างครบวงจรของระบบงาน ตั้งแต่งานโครงสร้างพื้นฐาน
(การจัดหน่วย) งานการสร้างและสะสมองค์ความรู้เพื่อเป็นทุนทางปัญญาสำหรับการพัฒนาขั้นที่สูง ๆ ยิ่งขึ้นไป งานการวิจัยและพัฒนา งานมาตรฐานทางทหาร ระบบการผลิต และการตลาด ให้กระบวนการผลิตดำรงอยู่ได้และสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าได้ยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้กองทัพพึ่งตัวเองได้โดยลำดับพร้อม ๆ กับสามารถลดการซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศลง และจะช่วยประหยัดงบประมาณโดยมีแนวทางดังนี้
๓.๑.๑ งานโครงสร้างพื้นฐาน ในส่วนที่เกี่ยวกับการลงทุนให้พิจารณาถึงความจำเป็น ความเหมาะสม การประหยัด( ความคุ้มค่าและความคุ้มทุน) ความสะดวก และความปลอดภัยด้านความ
มั่งคง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งหรือ
การขยายระบบการผลิตที่อาจดำเนินการเอง ดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นหรือดำเนินการโดยภาคเอกชน
มั่งคง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งหรือ
การขยายระบบการผลิตที่อาจดำเนินการเอง ดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นหรือดำเนินการโดยภาคเอกชน
๓.๑.๒ งานการวิจัยและพัฒนา ให้มีขอบเขตที่ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนา
ทางทหาร (อาวุธยุทโธปกรณ์ตามความต้องการของกองทัพ) การวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นที่จำเป็นต่อการป้องกันประเทศ ความก้าวหน้าทางวิทยาการสำหรับการสร้าง และการสะสมองค์ความรู้
ทางทหาร (อาวุธยุทโธปกรณ์ตามความต้องการของกองทัพ) การวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นที่จำเป็นต่อการป้องกันประเทศ ความก้าวหน้าทางวิทยาการสำหรับการสร้าง และการสะสมองค์ความรู้
- ๑๕ -
๓.๑.๓ ระบบการผลิต ในขั้นต้นควรใช้พื้นฐานโรงงานที่มีอยู่ หากจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น อาจพิจารณาตั้งโรงงานเพิ่มขึ้นหรือใช้ศักยภาพของหน่วยงานภายนอกและภาคเอกชนให้ร่วมอยู่ในสายการผลิตได้ตามความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ให้พิจารณาในแง่ของความปลอดภัยด้านความมั่นคง ความคุ้มทุนคือถ้าผลิตเองต้องไม่แพงกว่าให้หน่วยงานอื่นหรือเอกชนทำ หรือให้หน่วยงานอื่นและเอกชนทำก็ต้องไม่แพงกว่าการจัดซื้อจากต่างประเทศ และในด้านความคุ้มค่า คือ เรื่องคุณภาพ ปริมาณที่ต้องการ และความสะดวกรวดเร็ว ในการตอบสนองความต้องการให้พิจารณาในทำนองเดียวกัน
๓.๑.๔ การตลาด จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้องค์กรในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เงินลงทุนเกิดความคุ้มค่าและคุ้มทุน ถ้าลำพังความต้องการของเหล่าทัพไม่มากพอที่จะใช้กระบวนการผลิตให้เต็มขีดความสามารถได้ หากมีความจำเป็นทางด้านความคุ้มทุนและไม่มีปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคง ก็ควรขยายการตลาดสู่ภายนอกเพื่อให้ระบบการผลิตดำรงอยู่ได้
๓.๒ งานการระดมสรรพกำลัง เป็นการจัดเตรียมทรัพยากรของชาติเพื่อเผชิญภัย
ด้านต่าง ๆ ได้แก่ สาธารณภัย ภัยด้านความมั่นคง และสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่กำหนดไว้ในนโยบาย
การเตรียมพร้อมแห่งชาติ ให้พร้อมตั้งแต่ภาวะปกติ ซึ่งงานการระดมสรรพกำลังถือเป็นการเตรียม การพัฒนาและสร้างศักย์สงคราม ซึ่งมีความสำคัญที่จะทำให้ประเทศมีความหนุนเนื่องในการทำสงครามได้
อย่างยาวนาน ดังนั้นระบบการระดมสรรพกำลังที่มีประสิทธิภาพ จะต้องสามารถตอบสนองหรือพร้อมเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่ภาวะปกติตามที่กำหนดไว้ในนโยบายเตรียมพร้อมแห่งชาติ และปฏิบัติได้จริงตามขั้นตอนของแผนป้องกันประเทศและแผนเผชิญเหตุ
ด้านต่าง ๆ ได้แก่ สาธารณภัย ภัยด้านความมั่นคง และสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่กำหนดไว้ในนโยบาย
การเตรียมพร้อมแห่งชาติ ให้พร้อมตั้งแต่ภาวะปกติ ซึ่งงานการระดมสรรพกำลังถือเป็นการเตรียม การพัฒนาและสร้างศักย์สงคราม ซึ่งมีความสำคัญที่จะทำให้ประเทศมีความหนุนเนื่องในการทำสงครามได้
อย่างยาวนาน ดังนั้นระบบการระดมสรรพกำลังที่มีประสิทธิภาพ จะต้องสามารถตอบสนองหรือพร้อมเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่ภาวะปกติตามที่กำหนดไว้ในนโยบายเตรียมพร้อมแห่งชาติ และปฏิบัติได้จริงตามขั้นตอนของแผนป้องกันประเทศและแผนเผชิญเหตุ
๓.๓ งานการพัฒนาระบบกำลังสำรอง เป็นส่วนหนึ่งของงานการระดมสรรพกำลัง ควรมีการพัฒนาในประเด็นสำคัญ ๒ ประการ ประการแรกคือการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลสำรองที่ควรให้มีขีดความสามารถใกล้เคียงกับกำลังประจำการมากที่สุด ประการที่สอง คือ การพัฒนาความรวดเร็ว
ในการเรียกพลเพื่อความพร้อมรบให้ทันต่อสถานการณ์และความต้องการใช้กำลังตามแผนป้องกันประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบกำลังสำรองมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะชดเชยนโยบายการปรับลดกำลังพลประจำการลง โดยไม่เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มเติมกำลังและการทดแทนกำลังตามแผนป้องกันประเทศ พื้นฐานความสำเร็จส่วนใหญ่อยู่ที่ความร่วมมือของกำลังพลสำรอง ประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งกองทัพจะต้องสร้างมาตรการจูงใจต่าง ๆ ขึ้น เช่น เรื่องสิทธิ การทำกิจกรรมอันมีเกียรติร่วมกับกองทัพ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของบทบาทกำลังสำรองที่มีต่อความอยู่รอดของชาติอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจจากกำลังพลสำรองในการเข้ารับการฝึก และ
จากเจ้าของกิจการในการอนุญาตให้บุคลากรในความรับผิดชอบเข้ารับการฝึกตามหมายเรียกของทางราชการ
ในการเรียกพลเพื่อความพร้อมรบให้ทันต่อสถานการณ์และความต้องการใช้กำลังตามแผนป้องกันประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบกำลังสำรองมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะชดเชยนโยบายการปรับลดกำลังพลประจำการลง โดยไม่เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มเติมกำลังและการทดแทนกำลังตามแผนป้องกันประเทศ พื้นฐานความสำเร็จส่วนใหญ่อยู่ที่ความร่วมมือของกำลังพลสำรอง ประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งกองทัพจะต้องสร้างมาตรการจูงใจต่าง ๆ ขึ้น เช่น เรื่องสิทธิ การทำกิจกรรมอันมีเกียรติร่วมกับกองทัพ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของบทบาทกำลังสำรองที่มีต่อความอยู่รอดของชาติอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจจากกำลังพลสำรองในการเข้ารับการฝึก และ
จากเจ้าของกิจการในการอนุญาตให้บุคลากรในความรับผิดชอบเข้ารับการฝึกตามหมายเรียกของทางราชการ
- ๑๖ -
๓.๔ งานการพัฒนาขีดความสามารถด้านการรบของกำลังพล จากนโยบายการใช้กำลังทหารที่มีขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขวางมากขึ้น ทำให้กองทัพต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่หลากหลายขึ้นจากเดิมที่มีเพียงภัยคุกคามด้านการทหารเป็นหลัก มาเป็นปัจจุบันที่มีภัยคุกคามด้านอื่นเพิ่มขึ้น คือ
ภัยคุกคามที่ไม่ใช่ทางทหาร และภัยจากสาธารณภัยขนาดใหญ่หรือภัยพิบัติต่าง ๆ ความสามารถในการเผชิญกับภัยคุกคามต่าง ๆ ดังกล่าว ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของกำลังพลที่เพียงพอ คือ นอกจากความสามารถด้านการรบแล้ว กำลังพลต้องมีความสามารถรอบด้าน พร้อมที่จะเผชิญภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ได้
ดังนั้นจะต้องพัฒนากำลังพลให้มีขีดความสามารถที่อเนกประสงค์จนสามารถรองรับการพัฒนารูปแบบ
การปฏิบัติที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาในแต่ละปัญหาของกองทัพได้ ทั้งนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของจำนวนกำลังพลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปริมาณ
๔. ด้านการใช้กำลังทหาร ตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศได้แบ่งภัยคุกคามออกเป็น
๓ ลักษณะ คือ ภัยคุกคามทางทหาร ภัยคุกคามที่ไม่ใช่ทางทหาร และภัยจากสาธารณภัยขนาดใหญ่หรือ
ภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งการใช้กำลังทหารตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น กองทัพควรจะกำหนดมาตรการป้องกัน
และเตรียมความพร้อมรบให้สามารถเผชิญภัยคุกคามดังกล่าวได้ตั้งแต่ยามปกติ เพื่อการป้องกัน ระงับ ควบคุมสถานการณ์หรือลดระดับความรุนแรงได้ โดยจัดให้มีระบบติดตาม เฝ้าตรวจ แจ้งเตือน และแก้ไขสถานการณ์ขั้นต้นในลักษณะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศ ทั้งภูมิคุ้มกันภายนอกและภูมิคุ้มกันภายในต่อภัยคุกคามทุกชนิด ส่วนในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะหากเกิดการรุกรานด้วยกำลังทหารจากภายนอกประเทศ กองทัพควรมีความพร้อมในการใช้กำลังทหารเข้าเผชิญกับการรุกรานดังกล่าว โดยมีแผนป้องกันประเทศ หรือแผนอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ได้ทันที ทั้งนี้กองทัพจะยึดมั่นในหลักการของการป้องกันตนเอง และการใช้กำลังทหารของกองทัพเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาต่อภัยคุกคามแต่ละประเภท จะต้องอยู่ในบทบาทหน้าที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดและในขีดความสามารถของกองทัพ โดยต้องไม่กระทบกระเทือนต่อภารกิจหลักคือการป้องกันประเทศจนทำให้เกิดความเสี่ยง ซึ่งการใช้กำลังทหารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่ยามปกติต่อภัยต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการทั้งในส่วนที่เป็นงานของทหารโดยเฉพาะ และการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการอื่นในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
๓ ลักษณะ คือ ภัยคุกคามทางทหาร ภัยคุกคามที่ไม่ใช่ทางทหาร และภัยจากสาธารณภัยขนาดใหญ่หรือ
ภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งการใช้กำลังทหารตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น กองทัพควรจะกำหนดมาตรการป้องกัน
และเตรียมความพร้อมรบให้สามารถเผชิญภัยคุกคามดังกล่าวได้ตั้งแต่ยามปกติ เพื่อการป้องกัน ระงับ ควบคุมสถานการณ์หรือลดระดับความรุนแรงได้ โดยจัดให้มีระบบติดตาม เฝ้าตรวจ แจ้งเตือน และแก้ไขสถานการณ์ขั้นต้นในลักษณะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศ ทั้งภูมิคุ้มกันภายนอกและภูมิคุ้มกันภายในต่อภัยคุกคามทุกชนิด ส่วนในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะหากเกิดการรุกรานด้วยกำลังทหารจากภายนอกประเทศ กองทัพควรมีความพร้อมในการใช้กำลังทหารเข้าเผชิญกับการรุกรานดังกล่าว โดยมีแผนป้องกันประเทศ หรือแผนอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ได้ทันที ทั้งนี้กองทัพจะยึดมั่นในหลักการของการป้องกันตนเอง และการใช้กำลังทหารของกองทัพเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาต่อภัยคุกคามแต่ละประเภท จะต้องอยู่ในบทบาทหน้าที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดและในขีดความสามารถของกองทัพ โดยต้องไม่กระทบกระเทือนต่อภารกิจหลักคือการป้องกันประเทศจนทำให้เกิดความเสี่ยง ซึ่งการใช้กำลังทหารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่ยามปกติต่อภัยต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการทั้งในส่วนที่เป็นงานของทหารโดยเฉพาะ และการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการอื่นในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
๔.๑ การสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามทางทหาร เป็นการสนับสนุนงานการป้องกันประเทศโดยตรง ภัยคุกคามทางทหารจะเกิดขึ้นได้นั้นจะเริ่มจากการมีข้อขัดแย้งระหว่างประเทศในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลาย ๆ เรื่อง และไม่สามารถหาหนทางอื่นขจัดไปเสียก่อนที่จะมีการตัดสินใจใช้กำลัง
ข้อขัดแย้งที่ว่านี้อาจมาจากความไม่ลงตัวในการอยู่ร่วมกันในหลาย ๆ เรื่อง เช่น ปัญหาเรื่องเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเล ลัทธิอุดมการณ์ ระบอบการปกครองที่แตกต่าง นโยบายผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ผลประโยชน์ในเขตทับซ้อน ข้อขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ ปัญหาความหวาดระแวง ( การสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน ฯ และการเสริมสร้างอำนาจกำลังรบที่ผิดปกติ ) และปัญหายาเสพติด เป็นต้น การรุกรานจะเกิดขึ้นได้ฝ่ายรุกราน
ข้อขัดแย้งที่ว่านี้อาจมาจากความไม่ลงตัวในการอยู่ร่วมกันในหลาย ๆ เรื่อง เช่น ปัญหาเรื่องเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเล ลัทธิอุดมการณ์ ระบอบการปกครองที่แตกต่าง นโยบายผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ผลประโยชน์ในเขตทับซ้อน ข้อขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ ปัญหาความหวาดระแวง ( การสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน ฯ และการเสริมสร้างอำนาจกำลังรบที่ผิดปกติ ) และปัญหายาเสพติด เป็นต้น การรุกรานจะเกิดขึ้นได้ฝ่ายรุกราน
- ๑๗ -
จะต้องประเมินสถานการณ์รอบด้านแล้วว่าตนเองจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะหรือได้ผลประโยชน์แน่นอน
โดยบางครั้งอาจรู้ดีว่าการต่อสู้ด้วยกำลัง ฝ่ายตนต้องพ่ายแพ้แน่นอนแต่ก็ยังกล้าเป็นฝ่ายรุก เพราะเห็นว่า
มีเงื่อนไขที่จะทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบในทางสากลที่จะได้รับความเห็นใจจากนานาชาติซึ่งเป็นผลดีหรือยุทธศาสตร์ระยะยาว ดังนั้นในการสร้างภูมิคุ้มกันภัยคุกคามทางทหารนั้น จะต้องดำเนินการสร้าง
ทั้งภูมิคุ้มกันภายนอกและภูมิคุ้มกันภายใน ภูมิคุ้มกันภายนอกคือการมีมิตรภาพที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติทั่วโลก ซึ่งเปรียบเสมือนรั้วล้อมรั้ว ส่วนภูมิคุ้มกันภายในคือประเทศชาติมีความมั่นคงทุกด้าน
จะเป็นเสมือนการมีรั้วบ้านที่แข็งแกร่ง ด้วยการมีการเมืองและเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ประชาชนมั่งคั่ง สังคมอุดมด้วยคุณธรรมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการทหารมีกองทัพที่เข้มแข็งทันสมัยมีความพร้อมรบและรบได้จริง การสร้างภูมิคุ้มกันดังกล่าวนี้ รัฐบาล ส่วนราชการอื่น และคนไทยทุกคนจะต้องร่วมกันทำตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนอย่างต่อเนื่องจึงจะเกิดผลที่แท้จริง ในส่วนของกองทัพนั้นสามารถดำเนินการได้ในบทบาท
ตามหน้าที่และขีดความสามารถที่มีอยู่ ดังนี้
๔.๑.๑ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง เป็นการสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งความร่วมมือทางทหารและ
ทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย อีกทั้งเพื่อสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตร เป็นกลาง ลดเงื่อนไขและโอกาสที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ พื้นฐานความสำเร็จของความร่วมมือขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก กองทัพเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งในหลายๆอย่างของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวในบทบาทของกองทัพ เช่น การเสริมสร้าง
ความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี กับมิตรประเทศ และการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ภายใต้กรอบสหประชาชาติบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติ เป็นต้น
ทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย อีกทั้งเพื่อสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตร เป็นกลาง ลดเงื่อนไขและโอกาสที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ พื้นฐานความสำเร็จของความร่วมมือขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก กองทัพเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งในหลายๆอย่างของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวในบทบาทของกองทัพ เช่น การเสริมสร้าง
ความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี กับมิตรประเทศ และการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ภายใต้กรอบสหประชาชาติบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติ เป็นต้น
๔.๑.๒ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านบนพื้นฐานของความเข้าใจ จริงใจ เคารพในเกียรติ และศักดิ์ศรีของกันและกัน เป็นการแสดงความจริงใจต่อประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เพื่อขจัดหรือลดความหวาดระแวงและลดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศลง และหากเกิดข้อขัดแย้งก็จะสามารถขจัดข้อขัดแย้งหรือปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านให้ยุติลงได้ในระดับท้องถิ่นหรือในระดับกองทัพ ไม่ต้องถึงในระดับรัฐบาล บรรยากาศดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการ
มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเพียงพอถึงระดับที่เชื่อใจกันได้ ดังนั้นกองทัพจะต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การเยี่ยมเยียนในระดับผู้นำกองทัพ การพบปะหารือระหว่างหน่วยทหาร
ในพื้นที่ การดำเนินการทางการทูตโดยฝ่ายทหาร การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนร่วมกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้มีกองกำลังหรือกลุ่มบุคคลเข้ามาใช้ดินแดนในประเทศไทยเพื่อต่อต้านประเทศเพื่อนบ้าน การค้าบริเวณชายแดนที่เป็นธรรม และการสนับสนุนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมตามแนวชายแดน เป็นต้น
มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเพียงพอถึงระดับที่เชื่อใจกันได้ ดังนั้นกองทัพจะต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การเยี่ยมเยียนในระดับผู้นำกองทัพ การพบปะหารือระหว่างหน่วยทหาร
ในพื้นที่ การดำเนินการทางการทูตโดยฝ่ายทหาร การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนร่วมกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้มีกองกำลังหรือกลุ่มบุคคลเข้ามาใช้ดินแดนในประเทศไทยเพื่อต่อต้านประเทศเพื่อนบ้าน การค้าบริเวณชายแดนที่เป็นธรรม และการสนับสนุนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมตามแนวชายแดน เป็นต้น
- ๑๘ -
๔.๑.๓ การป้องกันประเทศ / การป้องกันชายแดน เป็นภารกิจหลักของกองทัพ
ที่จะต้องรักษาดินแดนและอธิปไตยของชาติไว้ให้ปลอดภัยจากการรุกรานด้วยกำลังทหาร โดยจะดำเนินการ
ตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ ซึ่งมีแนวความคิดในการผนึกพลังอำนาจของชาติทุกประเภท ในทุกมิติ ทั้งด้านการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มาบูรณาการอย่าง
มีระเบียบแบบแผนและเป็นระบบตั้งแต่ยามปกติ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของชาติและชดเชยอำนาจกำลังรบของกองทัพที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้กองทัพมีอำนาจกำลังรบและศักย์สงครามที่สูง สามารถทำการรบได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน เป็นภูมิคุ้มกันภัยคุกคามด้านการทหารและความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
๔.๑.๔ การเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน เป็นการสร้างความแข็งแกร่งของพื้นที่ชายแดนให้เสมือนเกราะป้องกันประเทศ ซึ่งในส่วนของรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินงานพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน โดยมุ่งที่จะเสริมสร้างศักยภาพของคน ชุมชน และพื้นที่เป้าหมายในบริเวณชายแดนให้มีความเข้มแข็งตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และเสริมสร้างให้ประชาชน
มีจิตสำนึกด้านความมั่นคง มีความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของงานการจัดระบบป้องกันเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน อันหมายถึงการจัดระบบหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดนทางบก ชายฝั่งทะเล และเกาะแก่งต่าง ๆ ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการต่อสู้แบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นการพัฒนาพื้นที่ชายแดนในรูปแบบต่าง ๆ ที่กองทัพเป็นผู้ดำเนินการหรือให้การสนับสนุน เช่น โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ (พมพ.) หรือ
การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น จะเป็นรากฐานที่ช่วยเสริมงานยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน และยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของ กห. ไปพร้อม ๆ กันด้วย
มีจิตสำนึกด้านความมั่นคง มีความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของงานการจัดระบบป้องกันเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน อันหมายถึงการจัดระบบหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดนทางบก ชายฝั่งทะเล และเกาะแก่งต่าง ๆ ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการต่อสู้แบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นการพัฒนาพื้นที่ชายแดนในรูปแบบต่าง ๆ ที่กองทัพเป็นผู้ดำเนินการหรือให้การสนับสนุน เช่น โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ (พมพ.) หรือ
การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น จะเป็นรากฐานที่ช่วยเสริมงานยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน และยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของ กห. ไปพร้อม ๆ กันด้วย
๔.๒ การสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามที่ไม่ใช่ทางทหาร เป็นภัยคุกคามด้าน
ความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่เป็นผลมาจากกระแสโลกาภิวัตน์ และนโยบายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ
ที่ก่อให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประเทศ เช่น ปัญหาการก่อการร้ายสากล ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าขายสินค้าหนีภาษี แรงงานต่างด้าวและการหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำอันเป็นโจรสลัด เป็นต้น ภูมิคุ้มกันสำหรับภัยคุกคามประเภทนี้ คือการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ความเข้มแข็งของหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละฝ่าย ซึ่งจะเห็นว่า ภัยคุกคามประเภทนี้มีความหลากหลายในรูปแบบ มีความแตกต่างในระดับความรุนแรง ลักษณะ และผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายศุลกากร กฎหมายการเข้าเมือง และกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีหลายหน่วยงานเป็นผู้รักษากฎหมาย
ในแต่ละลักษณะความผิด กล่าวคือมีเจ้าภาพตามกฎหมายอยู่แล้ว การใช้กำลังเข้าปฏิบัติการต่อปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่หน่วยงานของกองทัพจะดำเนินการในฐานะผู้ช่วยของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามในยามปกติกองทัพสามารถที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อปัญหาต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง
ตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ ดังนี้
ความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่เป็นผลมาจากกระแสโลกาภิวัตน์ และนโยบายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ
ที่ก่อให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประเทศ เช่น ปัญหาการก่อการร้ายสากล ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าขายสินค้าหนีภาษี แรงงานต่างด้าวและการหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำอันเป็นโจรสลัด เป็นต้น ภูมิคุ้มกันสำหรับภัยคุกคามประเภทนี้ คือการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ความเข้มแข็งของหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละฝ่าย ซึ่งจะเห็นว่า ภัยคุกคามประเภทนี้มีความหลากหลายในรูปแบบ มีความแตกต่างในระดับความรุนแรง ลักษณะ และผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายศุลกากร กฎหมายการเข้าเมือง และกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีหลายหน่วยงานเป็นผู้รักษากฎหมาย
ในแต่ละลักษณะความผิด กล่าวคือมีเจ้าภาพตามกฎหมายอยู่แล้ว การใช้กำลังเข้าปฏิบัติการต่อปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่หน่วยงานของกองทัพจะดำเนินการในฐานะผู้ช่วยของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามในยามปกติกองทัพสามารถที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อปัญหาต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง
ตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ ดังนี้
- ๑๙ -
๔.๒.๑ การพัฒนาประเทศ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้อยู่ดีมีสุขมีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ซึ่งการอยู่ดีมีสุขของประชาชนนั้นจะเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันที่ดีของสังคม
ประเทศชาติไม่ให้ประชาชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือเป็นผู้กระทำผิดโดยตรงเสียเอง นอกจากนี้การที่ประชาชนมีพื้นฐานชีวิตที่แข็งแกร่งยังเป็นภูมิคุ้มกันภัยคุกคามด้านอื่นได้อีกด้วย แม้กระทั่งภัยคุกคามด้านการทหาร งานการพัฒนาประเทศเป็นงานที่กองทัพดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งเป็นการดำเนินงานในส่วนของกองทัพโดยตรงในรูปแบบของโครงการพัฒนาเพื่อความ
มั่นคงในระดับพื้นที่ (โครงการ พมพ.) และโครงการในรูปแบบอื่น การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้บทบาทการผนึกกำลังกับภาคประชาสังคม และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี
ของประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจร่วมกันแล้ว ยังทำให้ทุกภาคส่วนมีความตระหนัก
ในภาระหน้าที่ด้านการพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บทบาทด้านการพัฒนาประเทศของกองทัพจะปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานไปตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่จะดำเนินการทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณธรรมควบคู่กันไป เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของคน ชุมชน และพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะในบริเวณชายแดนให้มีความเข้มแข็งและมีจิตสำนึกด้านความมั่นคง เกิดความร่วมมือในงานการป้องกันประเทศ และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติมีภูมิคุ้มกันภายในที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
๔.๒.๒ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เป็นการใช้กำลังทหารปฏิบัติการต่อการก่อความไม่สงบในประเทศเมื่อได้รับการสั่งการให้ปฏิบัติ เช่น การต่อต้านการก่อการร้ายสากล และปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะข้ามชาติ
ทั้งนี้การปฏิบัติที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้กระทำผิดกฎหมายเกิดความยำเกรง ขณะเดียวกัน
ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือ
จากประชาชนมากขึ้น และทำให้เกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีประการหนึ่ง
ทั้งนี้การปฏิบัติที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้กระทำผิดกฎหมายเกิดความยำเกรง ขณะเดียวกัน
ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือ
จากประชาชนมากขึ้น และทำให้เกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีประการหนึ่ง
๔.๒.๓ การรักษาความมั่นคงภายใน เป็นการดำเนินงานด้านการสร้างอุดมการณ์ในความรักความสามัคคีต่อชาติบ้านเมืองแก่ประชาชนทั่วไป สร้างคุณธรรมและจริยธรรมแก่เจ้าหน้าที่
ของรัฐ การขจัดเงื่อนไขและข้อขัดแย้งด้านความมั่นคงของสังคมในประเทศ ได้แก่ ข้อขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ และลัทธิ เพื่อให้สังคมภายในประเทศปราศจากข้อขัดแย้งด้านความมั่นคง อันจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้
ของรัฐ การขจัดเงื่อนไขและข้อขัดแย้งด้านความมั่นคงของสังคมในประเทศ ได้แก่ ข้อขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ และลัทธิ เพื่อให้สังคมภายในประเทศปราศจากข้อขัดแย้งด้านความมั่นคง อันจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้
๔.๓ การสร้างภูมิคุ้มกันจากสาธารณภัยขนาดใหญ่หรือภัยพิบัติต่าง ๆ สาธารณภัยขนาดใหญ่และภัยพิบัติต่าง ๆ ส่วนมากมีสาเหตุมาจากการที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกทำลายหรือใช้ไปมากอย่างไม่ระมัดระวังหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น ป่าไม้ถูกทำลายมากย่อมทำให้เกิดอุทกภัย
การพังทลายของดินและภาวะแห้งแล้ง การใช้น้ำมันและน้ำใต้ดินมากย่อมมีผลต่อการทรุดตัวของพื้นดิน การเกิดภาวะโลกร้อนเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซ
การพังทลายของดินและภาวะแห้งแล้ง การใช้น้ำมันและน้ำใต้ดินมากย่อมมีผลต่อการทรุดตัวของพื้นดิน การเกิดภาวะโลกร้อนเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซ
- ๒๐ -
มีเทน (CH4) จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคพลังงาน ภาคการเกษตร และภาคของเสียในกระบวนการอุตสาหกรรม และที่สำคัญเนื่องจากการใช้ที่ดินและป่าไม้ที่มีการทำลายมากขึ้น โดยเฉพาะการทำลายไม้ยืนต้นที่มีลำต้น
สูงใหญ่ ซึ่งสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการสังเคราะห์แสง และช่วยลดอุณหภูมิและมลพิษทางอากาศลงได้ ดังนั้นเมื่อต้นไม้ถูกทำลายจึงทำให้กระบวนการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นเป็นผลทำให้
เกิดภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้น แผ่นดินชายทะเลจะถูกน้ำท่วมรุกเข้ามาระบบนิเวศจะเปลี่ยนแปลง และสภาพภูมิอากาศมีความแปรปรวนมากขึ้น จากสถานการณ์ดังกล่าวจะเห็นว่าหากทั่วโลกไม่ร่วมมือกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพธรรมชาติให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์เช่นเดิม สาธารณภัยขนาดใหญ่และภัยพิบัติทั้งหลายจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในส่วนของกองทัพนั้นสามารถจะช่วยประเทศหรือสังคมโลกได้เช่นกัน โดยการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงาน เนื่องจากการประหยัดพลังงานจะช่วยลดการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติ และลด
การสร้างมลพิษต่อสภาวะแวดล้อม ธรรมชาติก็จะปรับตัวฟื้นคืนกลับสู่ความสมดุล เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาวให้กับธรรมชาติ ซึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันจากสาธารณภัยขนาดใหญ่และภัยพิบัติต่าง ๆ กองทัพสามารถดำเนินการทั้งในบทบาทอำนาจหน้าที่ของกองทัพ และการให้ความร่วมมือกับภาคประชาชนและภาคสังคมอื่น ๆ โดยบทบาทและขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ กองทัพควรจัดกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงาน แก่กำลังพล ครอบครัว และการริเริ่ม
ใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่หน่วยทหาร สำหรับในส่วนการให้ความร่วมมือกับภาคประชาชนและ
ภาคสังคมอื่น ๆ นั้น กองทัพสามารถดำเนินการไปในบทบาทของงานพัฒนาประเทศและการช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโดยการร่วมมือหรือสนับสนุนโครงการของส่วนราชการอื่นหรือองค์กรเอกชน เพื่อช่วยให้เกิดเครือข่ายที่ขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้งานการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับธรรมชาติบังเกิดผลที่ดีและรวดเร็วขึ้น
๕. ด้านการบริหารจัดการ การบริหาร คน เงิน เครื่องมือ และทรัพยากรอื่นที่มี เพื่อให้
การดำเนินงานขององค์กรเกิดประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายของงานนั้น ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับองค์กรทุกองค์กรที่ต้องกระทำให้องค์กรอยู่รอด แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
และมีผลต่อการอยู่รอดขององค์กร ก็คือ ความน่าศรัทธาเชื่อถือขององค์กร เพราะไม่ว่าองค์กรใดหากขาดความน่าศรัทธาเชื่อถือ (ทั้งจากคนในองค์กรและจากสังคมภายนอก) ย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ แต่การจะให้เกิดคุณสมบัติดังกล่าวผู้บริหารองค์กรจะต้องบริหารจัดการองค์กรในสองด้านไปพร้อม ๆ กัน ด้านหนึ่งคือ
การสร้างประสิทธิภาพ และอีกด้านหนึ่งคือการสร้างธรรมาภิบาล ทั้งสองด้านจะหนุนเสริมซึ่งกันและ
กัน การมีคุณสมบัติเพียงด้านใดด้านหนึ่งจะขาดความสมบูรณ์ และจะไม่ได้รับความเชื่อถือศรัทธาทั้งจากสังคมภายนอกและบุคคลในองค์กร ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในสังคม ไม่สามารถจะพัฒนาไปสู่ความมีชื่อเสียงความเป็นองค์กรชั้นนำได้ องค์กรที่มีธรรมาภิบาลย่อมกอปรด้วย คุณธรรม จรรยาบรรณ และจริยธรรม ดังนั้น
จึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างธรรมาภิบาลในด้านต่าง ๆ ให้เป็นคุณสมบัติพื้นฐานและวัฒนธรรม ขององค์กร
การดำเนินงานขององค์กรเกิดประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายของงานนั้น ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับองค์กรทุกองค์กรที่ต้องกระทำให้องค์กรอยู่รอด แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
และมีผลต่อการอยู่รอดขององค์กร ก็คือ ความน่าศรัทธาเชื่อถือขององค์กร เพราะไม่ว่าองค์กรใดหากขาดความน่าศรัทธาเชื่อถือ (ทั้งจากคนในองค์กรและจากสังคมภายนอก) ย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ แต่การจะให้เกิดคุณสมบัติดังกล่าวผู้บริหารองค์กรจะต้องบริหารจัดการองค์กรในสองด้านไปพร้อม ๆ กัน ด้านหนึ่งคือ
การสร้างประสิทธิภาพ และอีกด้านหนึ่งคือการสร้างธรรมาภิบาล ทั้งสองด้านจะหนุนเสริมซึ่งกันและ
กัน การมีคุณสมบัติเพียงด้านใดด้านหนึ่งจะขาดความสมบูรณ์ และจะไม่ได้รับความเชื่อถือศรัทธาทั้งจากสังคมภายนอกและบุคคลในองค์กร ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในสังคม ไม่สามารถจะพัฒนาไปสู่ความมีชื่อเสียงความเป็นองค์กรชั้นนำได้ องค์กรที่มีธรรมาภิบาลย่อมกอปรด้วย คุณธรรม จรรยาบรรณ และจริยธรรม ดังนั้น
จึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างธรรมาภิบาลในด้านต่าง ๆ ให้เป็นคุณสมบัติพื้นฐานและวัฒนธรรม ขององค์กร
- ๒๑ -
อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะระบบสร้างคน และคนดูแลระบบ เพื่อให้องค์กรเป็นที่เชื่อถือ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคมทุกภาคส่วน ก็จะทำให้บุคลากรรู้สึกมีเกียรติและศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจในองค์กรของตนเอง
มีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพหน้าที่การงาน เกียรติและศักดิ์ศรีขององค์กรจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในองค์กร จะก่อให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า
อย่างมั่นคง และเป็นภูมิคุ้มกันให้องค์กรดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม ซึ่งสามารถดำเนินการ ได้ดังนี้
มีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพหน้าที่การงาน เกียรติและศักดิ์ศรีขององค์กรจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในองค์กร จะก่อให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า
อย่างมั่นคง และเป็นภูมิคุ้มกันให้องค์กรดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม ซึ่งสามารถดำเนินการ ได้ดังนี้
๕.๑ การสร้างคุณธรรม คือสภาพคุณงามความดีขององค์กร ต้องเริ่มจากเจตนาขององค์กรไปจนถึงผลลัพธ์ของการดำเนินงาน ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อชาติบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยวางระบบการบริหารและควบคุมงานให้รัดกุมสอดคล้องกับสภาพดังกล่าว เช่น มีระบบการปกครองที่ตั้งอยู่บนความเมตตาธรรมและเที่ยงธรรม การพิจารณาความดีความชอบหรือการลงโทษผู้กระทำผิดเป็นไปด้วยความเที่ยงตรงและเท่าเทียมกัน ปราศจากอคติและระบบอุปถัมภ์เข้าแทรกแซง มีระบบการบริหารงานที่กระจายอำนาจหน้าที่แก่บุคลากรทุกระดับ เพื่อให้ทุกคน
ได้แสดงความรับผิดชอบและใช้ความรู้ความสามารถ รวมทั้งใช้ศักยภาพที่มีสร้างผลงาน มีระบบสวัสดิการที่ดีเพื่อแสดงถึงความมีเมตตาธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำใจในการทำงาน และการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้บังคับบัญชา
เป็นต้น ก็จะทำให้บรรยากาศการดำเนินงานขององค์กรเป็นบรรยากาศแห่งคุณธรรม ซึ่งจะมีผลช่วยบ่มเพาะ และกล่อมเกลาจิตใจของบุคลากรให้เพิ่มพูนคุณธรรมมากขึ้นตามลำดับ
ได้แสดงความรับผิดชอบและใช้ความรู้ความสามารถ รวมทั้งใช้ศักยภาพที่มีสร้างผลงาน มีระบบสวัสดิการที่ดีเพื่อแสดงถึงความมีเมตตาธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำใจในการทำงาน และการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้บังคับบัญชา
เป็นต้น ก็จะทำให้บรรยากาศการดำเนินงานขององค์กรเป็นบรรยากาศแห่งคุณธรรม ซึ่งจะมีผลช่วยบ่มเพาะ และกล่อมเกลาจิตใจของบุคลากรให้เพิ่มพูนคุณธรรมมากขึ้นตามลำดับ
๕.๒ การเสริมสร้างจรรยาบรรณ คือข้อที่ควรและไม่ควรประพฤติที่องค์กรควรกำหนดขึ้นให้คนในองค์กรนั้นยึดถือปฏิบัติ (จะมีการลงโทษหรือไม่ก็ได้) เพื่อแสดงถึงการเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์
ต่อวิชาชีพและหน้าที่การงานของแต่ละคน เช่น แพทย์หรือพยาบาล ต้องมีสำนึกในการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ตำรวจต้องมีจิตสำนึกในการพิทักษ์สันติราษฎร์ คือการป้องกันปราบปรามโจรผู้ร้าย ทหารต้องมีจิตสำนึก
ในการเป็นทหารอาชีพ คือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศจากภัยคุกคามต่าง ๆ เป็นต้น องค์กรที่มีจรรยาบรรณจะได้รับความเชื่อถือจากสังคม และจะสามารถรักษาสถานภาพแห่งความเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมไว้ได้อย่างยั่งยืน
ต่อวิชาชีพและหน้าที่การงานของแต่ละคน เช่น แพทย์หรือพยาบาล ต้องมีสำนึกในการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ตำรวจต้องมีจิตสำนึกในการพิทักษ์สันติราษฎร์ คือการป้องกันปราบปรามโจรผู้ร้าย ทหารต้องมีจิตสำนึก
ในการเป็นทหารอาชีพ คือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศจากภัยคุกคามต่าง ๆ เป็นต้น องค์กรที่มีจรรยาบรรณจะได้รับความเชื่อถือจากสังคม และจะสามารถรักษาสถานภาพแห่งความเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมไว้ได้อย่างยั่งยืน
๕.๓ การเสริมสร้างจริยธรรม คือธรรมอันเป็นข้อประพฤติที่ดีงามของบุคคลในองค์กร
ให้เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ มีความรับผิดชอบ มีความขยันหมั่นเพียร ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี คือละเว้นการทำชั่ว เป็นผู้มีวินัย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เสียสละ และมีความกล้าหาญ มีมโนธรรม คือความละอายเกรงกลัวต่อบาป วางตนให้สมเกียรติ เป็นผู้ที่ควรนับถือเป็นแบบอย่าง และไม่ประพฤติตนให้องค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง
ให้เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ มีความรับผิดชอบ มีความขยันหมั่นเพียร ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี คือละเว้นการทำชั่ว เป็นผู้มีวินัย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เสียสละ และมีความกล้าหาญ มีมโนธรรม คือความละอายเกรงกลัวต่อบาป วางตนให้สมเกียรติ เป็นผู้ที่ควรนับถือเป็นแบบอย่าง และไม่ประพฤติตนให้องค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง
......................................................
บทที่ ๔
แนวทางการดำเนินการตามนโยบายการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
มาใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงานของ กห.
......................................................
นโยบายนี้จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้ หน่วยจะต้องนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ไปเป็นหลักทั้งในการปฏิบัติราชการ และการผลักดันให้กำลังพลและครอบครัวยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตส่วนตัวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนกว่ากำลังพลและครอบครัวจะมีความรู้ความเข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ถึงขั้นเป็นสัญชาตญาณสามารถใช้เป็นหลักการคิดหรือพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเป็นอัตโนมัติ ดังนั้นจะต้องมีระบบการผลักดันที่ครอบคลุมการปฏิบัติงานในทุก ๆ เรื่องอยู่ตลอดเวลา จึงสมควรยึดถือ
แนวทางการดำเนินการดังนี้
ไปเป็นหลักทั้งในการปฏิบัติราชการ และการผลักดันให้กำลังพลและครอบครัวยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตส่วนตัวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนกว่ากำลังพลและครอบครัวจะมีความรู้ความเข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ถึงขั้นเป็นสัญชาตญาณสามารถใช้เป็นหลักการคิดหรือพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเป็นอัตโนมัติ ดังนั้นจะต้องมีระบบการผลักดันที่ครอบคลุมการปฏิบัติงานในทุก ๆ เรื่องอยู่ตลอดเวลา จึงสมควรยึดถือ
แนวทางการดำเนินการดังนี้
๑. การจัดระบบการสร้างองค์ความรู้
๑.๑ การเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องดำเนินการให้ทั่วถึงและต่อเนื่องตลอดไป เนื่องจากกำลังพลของกองทัพมีการเปลี่ยนแปลงทดแทนกันอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวยึดถือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นวัฒนธรรมใหม่ทางความคิดของคน
ในกองทัพอย่างยั่งยืน
ในกองทัพอย่างยั่งยืน
๑.๒ การศึกษาตามแนวทางรับราชการทุกระดับเพื่อสร้างคุณสมบัติตามตำแหน่ง
ให้พิจารณาทบทวนการจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันให้สอดคล้องกับนโยบายนี้
ให้พิจารณาทบทวนการจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันให้สอดคล้องกับนโยบายนี้
๒. การกำหนดมาตรการปฏิบัติ ให้มีระบบการบริหารนโยบายที่มีประสิทธิภาพและ
ครบวงจรตั้งแต่การกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ การกำหนดมาตรการปฏิบัติทั้งในระบบงานราชการและการดำเนินชีวิตส่วนตัวของกำลังพล การดำเนินกิจกรรมตามมาตรการ การสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรอื่นที่มี เพื่อให้การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมสามารถนำไปเป็นตัวอย่างแก่ส่วนราชการอื่นและประชาชนทั่วไปได้อย่างแท้จริง
ครบวงจรตั้งแต่การกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ การกำหนดมาตรการปฏิบัติทั้งในระบบงานราชการและการดำเนินชีวิตส่วนตัวของกำลังพล การดำเนินกิจกรรมตามมาตรการ การสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรอื่นที่มี เพื่อให้การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมสามารถนำไปเป็นตัวอย่างแก่ส่วนราชการอื่นและประชาชนทั่วไปได้อย่างแท้จริง
๓. การประเมินผลและการรายงาน ให้หน่วยกำหนดระบบการประเมินผลภายในองค์กรเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลผลิตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่า มีแนวโน้มอย่างไรสำหรับการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการปฏิบัติราชการ รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติตามวงรอบที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาสามารถติดตามผลการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการปฏิบัติราชการ
ได้อย่างต่อเนื่อง
ได้อย่างต่อเนื่อง
......................................................
ภาคผนวก
ความสัมพันธ์ของหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทาน
กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทาน
.............................................
พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงต้องการให้คนไทยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้คนไทยมีความสุขตามอัตภาพบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองได้อย่างปลอดภัยจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกตามกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งหลักปรัชญา ฯ ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๔๐ ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยมาจนถึงทุกวันนี้ บทเรียนดังกล่าวได้ทำให้คนไทยทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ นักบริหารและภาคประชาชน ได้หันกลับมาให้ความสำคัญ
กับการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาฯ
ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพต่างๆ ด้วยมีความเชื่อว่าหลักปรัชญา ฯ
จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาที่กำลังมีอยู่ในปัจจุบันได้ และยังจะทำให้ดำรงชีวิตต่อไปในอนาคตได้อย่าง
มีความสุขด้วยอีกด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
กับการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาฯ
ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพต่างๆ ด้วยมีความเชื่อว่าหลักปรัชญา ฯ
จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาที่กำลังมีอยู่ในปัจจุบันได้ และยังจะทำให้ดำรงชีวิตต่อไปในอนาคตได้อย่าง
มีความสุขด้วยอีกด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “ ความพอเพียง ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน
มีความรอบรู้ และมีคุณธรรม ” สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานหลักในการวางแผนของประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้อัญเชิญมาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับมีความเข้าใจในหลักปรัชญา ฯ และนำไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรม
ราชานุญาต ให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ มีใจความดังนี้
มีความรอบรู้ และมีคุณธรรม ” สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานหลักในการวางแผนของประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้อัญเชิญมาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับมีความเข้าใจในหลักปรัชญา ฯ และนำไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรม
ราชานุญาต ให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ มีใจความดังนี้
“ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้แนวทางในการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชน
ในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศให้ดำเนิน
ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมี
ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้
ในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศให้ดำเนิน
ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมี
ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้
- ๒๖ -
ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการมาใช้ในการวางแผนและดำเนินการ
ทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีความสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้
ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกเป็นอย่างดี ”
ทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีความสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้
ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกเป็นอย่างดี ”
จะเห็นว่าหลักการพัฒนาหรือการปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น คำว่า “พอเพียง” มีคุณลักษณะสำคัญ ๕ ประการที่มีความสัมพันธ์ในเหตุและผลต่อเนื่องกันอย่างแยกไม่ออก กล่าวคือ จะคิดทำอะไรต้องใช้หลัก “ความมีเหตุผล” ในการคิดวิเคราะห์เหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา
คือสถานะของตัวเรา จุดอ่อน จุดแข็ง และปัจจัยภายนอกคือการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกในยุค
โลกาภิวัตน์ จนเข้าใจให้ได้ว่าอะไรคือข้อดี ข้อเสีย โอกาสและภัยคุกคาม โดยอาศัย “ ความรอบรู้ ” ทั้งความรอบรู้ในหลักวิชา และความรู้ในตัวคนที่สะสมจากประสบการณ์ในชีวิตจริงจนเกิดเป็นภูมิปัญญาตกผลึก
มาเป็นตัวประมวลผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะความเสี่ยง ซึ่งการคิดอย่างมีเหตุผลนี้
จะนำไปสู่การตัดสินใจในระดับของ “ความพอประมาณ” บนพื้นฐานความเหมาะสมระหว่างความสามารถในการพึ่งพาตนเองกับการแข่งขัน(ภายนอก)ในเวทีโลก เพื่อจัดสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ในตัวที่ดีหรืออาจเรียกว่า “เกณฑ์ความปลอดภัย” ของตนขึ้นไว้ให้พร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และสามารถรับผลกระทบในทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกได้อย่างปลอดภัย แต่การจะให้สิ่งที่คิดกระทำเกิดผลที่ดี
อย่างยั่งยืน สร้างความสงบร่มเย็นแก่ตน คนอื่น สังคมส่วนรวม และประเทศชาตินั้น ผู้คิดทำและผู้เกี่ยวข้อง
คือสถานะของตัวเรา จุดอ่อน จุดแข็ง และปัจจัยภายนอกคือการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกในยุค
โลกาภิวัตน์ จนเข้าใจให้ได้ว่าอะไรคือข้อดี ข้อเสีย โอกาสและภัยคุกคาม โดยอาศัย “ ความรอบรู้ ” ทั้งความรอบรู้ในหลักวิชา และความรู้ในตัวคนที่สะสมจากประสบการณ์ในชีวิตจริงจนเกิดเป็นภูมิปัญญาตกผลึก
มาเป็นตัวประมวลผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะความเสี่ยง ซึ่งการคิดอย่างมีเหตุผลนี้
จะนำไปสู่การตัดสินใจในระดับของ “ความพอประมาณ” บนพื้นฐานความเหมาะสมระหว่างความสามารถในการพึ่งพาตนเองกับการแข่งขัน(ภายนอก)ในเวทีโลก เพื่อจัดสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ในตัวที่ดีหรืออาจเรียกว่า “เกณฑ์ความปลอดภัย” ของตนขึ้นไว้ให้พร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และสามารถรับผลกระทบในทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกได้อย่างปลอดภัย แต่การจะให้สิ่งที่คิดกระทำเกิดผลที่ดี
อย่างยั่งยืน สร้างความสงบร่มเย็นแก่ตน คนอื่น สังคมส่วนรวม และประเทศชาตินั้น ผู้คิดทำและผู้เกี่ยวข้อง
- ๒๗ -
ทุกระดับจะต้องมีพื้นฐานจิตใจด้านคุณธรรมในระดับที่ดี กอปรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร
ความเมตตา ความสำนึกในส่วนรวม การดำเนินงานทุกอย่างให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางคือความลงตัวต่อสภาวะแวดล้อมในทุกสถานการณ์ และมีความไม่ประมาทเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือ
ความล้มเหลวในที่สุด
ความเมตตา ความสำนึกในส่วนรวม การดำเนินงานทุกอย่างให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางคือความลงตัวต่อสภาวะแวดล้อมในทุกสถานการณ์ และมีความไม่ประมาทเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือ
ความล้มเหลวในที่สุด
กล่าวโดยสรุป การปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้องตั้งอยู่บนทาง
สายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงหลักสำคัญ ๕ ประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน มีความรอบรู้ และ มีคุณธรรม ซึ่งอาจแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ องค์ประกอบและเงื่อนไข
ในการคิด และการทำตามหลักปรัชญา ฯ ดังนี้
สายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงหลักสำคัญ ๕ ประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน มีความรอบรู้ และ มีคุณธรรม ซึ่งอาจแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ องค์ประกอบและเงื่อนไข
ในการคิด และการทำตามหลักปรัชญา ฯ ดังนี้
๑. องค์ประกอบและเงื่อนไขในการคิด ความพอเพียง ประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะคือ
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน เพื่อให้การดำเนินงานตั้งอยู่บนทางสายกลาง กล่าวคือ
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน เพื่อให้การดำเนินงานตั้งอยู่บนทางสายกลาง กล่าวคือ
ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ไม่เติบโตเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป (เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ) การตัดสินใจถึงระดับความพอประมาณที่เหมาะสมในแต่ละเรื่องแต่ละสถานการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะต้องใช้ทั้งเหตุผลซึ่งประมวลจากประสบการณ์และความรอบรู้ทั้งหลาย และจากการเอาชนะความอยากของแต่ละคน ที่มักเอนเอียงไปในทิศทางของความไม่รู้จักพอหรือความโลภ ความต้องการของมนุษย์โดยทั่วไปนั้น อับราฮัม เอส. มาสโลว์ นักจิตวิทยาชื่อดังได้สังเกตพฤติกรรมของมนุษย์และสรุปเป็น ทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้น(Hierarchy of Needs Theory) โดยอธิบายว่ามนุษย์จะมีความต้องการซึ่งสามารถจำแนกเป็น ๕ ระดับ (ดังภาพ) โดยเมื่อได้รับการตอบสนองในลำดับหนึ่ง ๆ อย่างเพียงพอแล้ว ก็จะเขยิบความต้องการไปยังลำดับที่สูงขึ้นต่อไป จนขั้นสุดท้ายซึ่งอาจเป็นบั้นปลายของชีวิต ก็มักจะหันมาหาความจริงของชีวิตหรือธรรมะ แต่ทุกขั้นนั้นก็คือ ความอยาก ที่ทำให้ความพอประมาณของแต่ละคนมีระดับแตกต่างกัน ซึ่งการกำหนดระดับของความพอประมาณ การใช้เหตุผล
- ๒๘ -
ในการตัดสินใจระดับของความพอประมาณนั้น จะต้องใช้ข้อมูล หลักวิชา และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นตัวในการพิจารณาแต่ละขั้นตอน เพื่อให้ผลความคิดออกมาเป็นวิทยาศาสตร์มีที่มาที่ไปสามารถอธิบายได้ มิใช่เป็นระดับที่มาจากความรู้สึกและอธิบายไม่ได้ ในขณะพิจารณาเพื่อตัดสินใจนั้น จะมีข้อมูลสองด้านที่ควบคู่กันคือข้อมูลที่อนุมานจากความรู้สึก ซึ่งอาจไม่มีคำอธิบายที่มีเหตุผลสมบูรณ์กับข้อมูลตามหลักวิชาที่อธิบายได้ประกอบกัน แต่สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจระดับความพอประมาณในขั้นสุดท้าย มีอยู่ ๓ ประการ คือ
๑.๑.๑ ความอยาก ทางธรรมะก็คือ ตัณหา มี ๓ ชนิด คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา คนเราถ้าไม่อบรมจิตตนเอง ปล่อยให้ความอยากครอบงำจิตใจแล้วจะควบคุมไม่ได้ จะมีความอยากไม่สิ้นสุด กลายเป็นความโลภหรือโลภอย่างมาก และถ้าใช้ความอยากหรือความโลภไปตัดสินใจระดับของความพอประมาณแล้วจะไม่ได้คำตอบที่เหมาะสม คือจะหาคำอธิบายที่สมเหตุผลไม่ได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาตัดสินใจต้องมีสติอย่าให้ความโลกครอบงำ
๑.๑.๒ ความจำเป็น หมายถึง ความจำเป็นตามสถานะหรืออัตภาพของแต่ละคนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลทำให้ระดับความพอประมาณในเรื่องหนึ่ง ๆ ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ถ้าตั้งระดับของความพอประมาณสูงเกินจำเป็นของตน ก็กลายเป็นความโลภไป ตั้งสูงน้อยก็โลภน้อย ตั้งสูงมากก็โลภมาก จะมีแต่ความเดือดร้อนที่ต้องพยายามไขว่คว้าหรือถ้าไม่ได้ก็จะเกิดทุกข์ทางใจ ผิดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
- ๒๙ -
๑.๑.๓ ความเหมาะสม เป็นการพิจารณาระดับของความพอประมาณที่เหมาะสมต่อตนเองนั้นควรเป็นอย่างไร กล่าวคือ เหมาะสมต่อศักยภาพและขีดความสามารถของตน ต่อสถานการณ์และจังหวะเวลา ต่อกฎเกณฑ์สังคมคือกฎหมายและศีลธรรมอย่างไร เพื่อให้ได้ระดับความพอประมาณ
ที่เป็นวิทยาศาสตร์และกอปรด้วยธรรม ซึ่งจะต้องใช้ความมีเหตุผล
ที่เป็นวิทยาศาสตร์และกอปรด้วยธรรม ซึ่งจะต้องใช้ความมีเหตุผล
๑.๒ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุมีผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ ซึ่งการพิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อได้ระดับความพอประมาณในเบื้องต้นแล้ว
ก่อนตัดสินใจประกอบกิจกรรมใดจะต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นด้วย โดยใช้หลักทางวิชาการวิเคราะห์
ขั้นสุดท้ายก่อนว่า ระดับความพอประมาณที่ได้นั้น มีจุดอ่อนจุดแข็ง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร จะเป็นอุปสรรคหรือปัจจัยสนับสนุน เป็นวิกฤตหรือโอกาส ก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับการเดินก้าวต่อไป
ก่อนตัดสินใจประกอบกิจกรรมใดจะต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นด้วย โดยใช้หลักทางวิชาการวิเคราะห์
ขั้นสุดท้ายก่อนว่า ระดับความพอประมาณที่ได้นั้น มีจุดอ่อนจุดแข็ง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร จะเป็นอุปสรรคหรือปัจจัยสนับสนุน เป็นวิกฤตหรือโอกาส ก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับการเดินก้าวต่อไป
๑.๓ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รอบด้านที่จะเกิดขึ้น ตามสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อให้ตนเองหรือองค์กรดำรงอยู่ได้ด้วยความปลอดภัย ภูมิคุ้มกันฯ เปรียบเหมือนภูมิคุ้มกันโรคในตัวของคนเราที่สามารถป้องกันโรคได้หลายโรค ภูมิคุ้มกันการดำรงชีวิตหรือการดำรงอยู่ขององค์กรก็เช่นกัน จะต้องสามารถป้องกันผลกระทบได้หลากหลายสถานการณ์ ดังนั้นในแต่ละคนแต่ละองค์กรจะต้องมีการกำหนดเกณฑ์ความปลอดภัยขั้นต่ำในด้านต่าง ๆ ของตนไว้ มีระบบการเตือนภัย มีปัจจัยเกื้อหนุนและทางหนีทีไล่ไว้หลาย ๆ หนทาง ก็จะทำให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี
- ๓๐ -
๒. องค์ประกอบและเงื่อนไขในการทำ ประกอบด้วย ความรอบรู้และคุณธรรม
การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงตามหลักปรัชญาฯ นั้น ต้องอาศัยทั้งความรอบรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานของความมั่นคง คือความรอบรู้รอบคอบจะทำให้ไม่ตั้งอยู่บนความประมาทและการมีคุณธรรมคือการตั้งอยู่บนความถูกต้องในทำนองคลองธรรม กล่าวคือ
การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงตามหลักปรัชญาฯ นั้น ต้องอาศัยทั้งความรอบรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานของความมั่นคง คือความรอบรู้รอบคอบจะทำให้ไม่ตั้งอยู่บนความประมาทและการมีคุณธรรมคือการตั้งอยู่บนความถูกต้องในทำนองคลองธรรม กล่าวคือ
๒. ๑ ความรอบรู้ หมายถึงการมีองค์ความรู้ในศาสตร์ต่างๆอย่างรอบด้าน ทั้งจากการศึกษาด้านวิชาการและจากประสบการณ์ มีการจัดการองค์ความรู้ที่ดี บ่มเพาะจนเกิดเป็นความรอบรู้
ที่สามารถจะนำมาใช้ได้ในทุกสถานการณ์เหมือนเป็นสัญชาตญาณ และใช้ความรู้นั้นด้วยความระมัดระวังอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท
ที่สามารถจะนำมาใช้ได้ในทุกสถานการณ์เหมือนเป็นสัญชาตญาณ และใช้ความรู้นั้นด้วยความระมัดระวังอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท
๒.๒ คุณธรรม ในที่นี้หมายรวมถึงทั้งศีลธรรมและจริยธรรม คือ การมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต มีเมตตา ไม่โลภ ไม่ตระหนี่ มีความเอื้อเฟื้อเกื้อหนุนไม่เอารัดเอาเปรียบกัน สำนึกในส่วนรวมคือการให้ส่วนรวมเพื่อให้ส่วนรวมอยู่ได้ตนเองก็อยู่ได้ คุณธรรมเป็นเครื่องกำกับจิตใจในเรื่อง ความดี ความงาม ความจริง ไร้คุณธรรมก็เป็นความชั่ว ความเท็จความอัปลักษณ์ เครื่องชี้วัดคุณธรรม มี ๒ ประการ ประการแรกคือศีลธรรมของศาสนา เป็นความเคร่งครัด
ในการประพฤติตนตามหลักศีลธรรมของศาสนา ประการที่สองคือจริยธรรม เป็นข้อประพฤติที่ฆราวาส
สร้างขึ้น ซึ่งมี ๒ ระดับ คือระดับทั่วไปของคน เช่น จริยธรรมของคนไทย คนจีน คนญี่ปุ่น เป็นต้น และจริยธรรมเฉพาะกลุ่มอาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร นักกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สาธารณชนเกิดความเคารพศรัทธา และเชื่อมั่นต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มอาชีพเหล่านั้น
ในการประพฤติตนตามหลักศีลธรรมของศาสนา ประการที่สองคือจริยธรรม เป็นข้อประพฤติที่ฆราวาส
สร้างขึ้น ซึ่งมี ๒ ระดับ คือระดับทั่วไปของคน เช่น จริยธรรมของคนไทย คนจีน คนญี่ปุ่น เป็นต้น และจริยธรรมเฉพาะกลุ่มอาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร นักกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สาธารณชนเกิดความเคารพศรัทธา และเชื่อมั่นต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มอาชีพเหล่านั้น
- ๓๑ -
ความสัมพันธ์ของหลักทรงงาน หลักปรัชญา ฯ และยุทธศาสตร์พระราชทาน ก่อนที่จะนำหลักปรัชญาฯไปใช้นั้น ควรย้อนระลึกกลับไปถึงที่มาของหลักปรัชญาฯ ว่าเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายในเวลาอันสั้น หรือเกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันโดยขาดพื้นฐานข้อเท็จจริงรองรับ นั่นคือก่อนจะเผยแพร่ออกมานั้นได้ผ่านการทดลองใช้มาอย่างมากมายในรูปของโครงการทดลองโครงการจำลองส่วนพระองค์ สู่โครงการพระราชดำริทั่วประเทศ และกำลังจะนำไปสู่การเป็นหลักการดำเนินชีวิตส่วนตัว
ของประชาชนในทุกระดับ การประกอบอาชีพในทุกสาขาอาชีพ การบริหารองค์กร และการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการศึกษาหลักการทรงงานและยุทธศาสตร์พระราชทาน ประกอบกับหลักปรัชญา ฯ แล้ว จะเห็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องและการสอดประสานกันของหลักปรัชญา ฯ หลักการทรงงานและยุทธศาสตร์พระราชทาน ตั้งแต่ขั้นการคิด การวางแผน และการปฏิบัติที่แยกกันไม่ออก ผู้ศึกษาจะเกิดทักษะการใช้หลักปรัชญา ฯ ในทุกสถานการณ์หรือทุกเรื่องราวได้คล่องแคล่วขึ้น เนื่องจากความคิดได้ถูกจัดระเบียบให้เป็นระบบ ตามความเข้าใจที่เกิดขึ้นไปตามลำดับ ดังนี้
ของประชาชนในทุกระดับ การประกอบอาชีพในทุกสาขาอาชีพ การบริหารองค์กร และการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการศึกษาหลักการทรงงานและยุทธศาสตร์พระราชทาน ประกอบกับหลักปรัชญา ฯ แล้ว จะเห็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องและการสอดประสานกันของหลักปรัชญา ฯ หลักการทรงงานและยุทธศาสตร์พระราชทาน ตั้งแต่ขั้นการคิด การวางแผน และการปฏิบัติที่แยกกันไม่ออก ผู้ศึกษาจะเกิดทักษะการใช้หลักปรัชญา ฯ ในทุกสถานการณ์หรือทุกเรื่องราวได้คล่องแคล่วขึ้น เนื่องจากความคิดได้ถูกจัดระเบียบให้เป็นระบบ ตามความเข้าใจที่เกิดขึ้นไปตามลำดับ ดังนี้
- ๓๒ -
ขั้นแรก เมื่อคิดจะทำอะไรก็จะต้องทำความ “เข้าใจ” ในเรื่องที่จะทำให้ถ่องแท้ในเบื้องต้นเสียก่อนว่าจะทำ อะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไม และเพื่ออะไร โดยใช้ “หลักคิด" ในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ประเมินขอบเขตความพอเพียงตามหลักปรัชญา ฯ ของงานที่จะทำ คือความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน
ขั้นต่อไปเป็นการ “ เข้าถึง” คือการวางแผนงาน โครงการ และกิจกรรม โดยการใช้หลักวิชา คือ ความรอบรู้ ในศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งจากการศึกษาและจากประสบการณ์มาใช้วางแผนและวิเคราะห์
ความเป็นไปได้ของแผนตามวิธีมาตรฐานทางวิชาการ เพื่อให้ผลการวิเคราะห์เป็นวิทยาศาสตร์ ก็จะทำให้
การตัดสินใจในแผนงานมีความรอบคอบรัดกุม ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท
ความเป็นไปได้ของแผนตามวิธีมาตรฐานทางวิชาการ เพื่อให้ผลการวิเคราะห์เป็นวิทยาศาสตร์ ก็จะทำให้
การตัดสินใจในแผนงานมีความรอบคอบรัดกุม ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท
ขั้นสุดท้าย “พัฒนา” คือการลงมือดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการ ซึ่งอาจมีการพัฒนาแนวทางการดำเนินงานหรือพลิกแพลงกลยุทธ์การทำงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัด หรืออาจมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเองได้ การควบคุมแนวทางการบริหารองค์กรใช้ “หลักปฏิบัติ” ควบคุมการปฏิบัติให้เข้าถึงแก่นของงานและเป้าหมายบนพื้นฐานของ “ คุณธรรม”
การจะนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ให้ได้ผล จะต้องยกระดับคุณธรรม
เป็นพื้นฐานจิตใจของบุคคลทุกคนทุกระดับ หรือยกสังคมนั้นให้เป็นสังคมคุณธรรมเสียก่อน เพราะหากปราศจากซึ่งความพอเพียงเป็นพื้นฐานเบื้องต้นเสียแล้ว ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ผิดไปจากแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นพื้นฐานจิตใจของบุคคลทุกคนทุกระดับ หรือยกสังคมนั้นให้เป็นสังคมคุณธรรมเสียก่อน เพราะหากปราศจากซึ่งความพอเพียงเป็นพื้นฐานเบื้องต้นเสียแล้ว ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ผิดไปจากแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
......................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น