เอกสารประกอบการสอน
วิชาองค์รวมแห่งชีวิต
เรื่อง
ชีวิตที่พอเพียง
วันวร จะนู*
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2. เพื่อให้นักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวันได้
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นหลักการในการใช้ชีวิตที่ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เศรษฐกิจพอเพียงมีขอบเขตความคิดมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นแกนหลักสำคัญ โดยมีความคิดเห็นของนักคิดคนอื่น ๆ เป็นประเด็นเสริม ทั้งนี้จะต้องสอดคล้องกันความคิดที่เป็นแกนหลักสำคัญนั้น
เป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะสรุปปรัชญาจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้มีความรัดกุมเพียงพอ เนื่องจากได้มีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายครั้งในโอกาสต่าง ๆ กัน ทั้งพระราชดำรัสโดยตรง และพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีการตีความในวงการต่าง ๆ เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีความพยายามที่จะประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัสให้เป็นหลักการเดียวกัน และเสนอขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต และได้รับพระกรุณาโปรดกล้า ฯ พระราชทานให้เป็นหลักการที่เห็นร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุล และพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี 1
1. คำอธิบายปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่เป็นสากลสำหรับสังคมไทย กล่าวคือ ใช้ได้สำหรับประชาชนทุกคน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร เกิดที่ไหน ยากดีมีจนอย่างไร ชายหรือหญิง วัยไหน จบการศึกษาอะไร ระดับใด นอกจากนั้นใช้ได้กับทุกหน่วยในสังคม กล่าวคือ ใช้ได้ทั้งระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ เป็นต้น
จากปรัชญาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า แกนกลางของแนวคิดทั้งหมดคือ คำที่ว่าทางสายกลาง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงวางอยู่บนฐานความเชื่อเรื่องทางสายกลาง ซึ่งการจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความพอเพียง ความพอเพียงกับทางสายกลางเป็นสิ่งที่ต้องควบคู่ไปด้วยกัน หรืออาจกล่าวได้ว่าเกือบเป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าไม่มองกระบวนการปฏิบัติ
ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้ จะต้องทำให้คุณลักษณะสามประการเกิดขึ้นคือ
1. ความพอประมาณ
2. ความมีเหตุผล
3. การมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
ถ้าลักษณะสามประการดังกล่าวเกิดขึ้น หมายความว่าความพอเพียงได้เกิดขึ้น การจะทำให้เกิดลักษณะสามประการดังกล่าวได้จะต้องอาศัยคุณลักษณะดังต่อไปนี้
1. ความรอบรู้
2. ความรอบคอบ
3. ความระมัดระวัง
4. สำนึกในคุณธรรม
5. ความซื่อสัตย์สุจริต
6. ความอดทน
7. ความเพียร
8. ความมีสติ
9. ความมีปัญญา เป็นต้น
คุณลักษณะ 9 ประการดังกล่าวสามารถสรุปเป็นสองส่วนด้วยกันคือ
1. เรื่องของความรู้
2. เรื่องของคุณธรรม
ทั้งเรื่องของความรู้และคุณธรรมนั้นหมายถึง การมีความรู้หรือใช้ความรู้และการมีคุณธรรมต่าง ๆ โดยมีปรัชญาเรื่องทางสายกลางเป็นแก่นหลักนั้นเอง
นอกจากนั้นเบื้องหลังของปรัชญาทางสายกลางดังกล่าว ยังมีปรัชญาหรือความเชื่อในเรื่องโลกและความเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย กล่าวคือ การที่ควรใช้ปรัชญาทางสายกลาง เนื่องจากโลกและสังคมมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และในยุคโลกาภิวัฒน์ความเปลี่ยนแปลงยิ่งเพิ่มความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงเชื่อว่าภายใต้ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ควรใช้ปรัชญาทางสายกลางในการดำเนินชีวิต
ลักษณะความเชื่อดังกล่าวเป็นการกำหนดท่าที (perspective or posture) ในการมองโลกของมนุษย์ จริยธรรมของมนุษย์ล้วนเกิดมาจากท่าทีในการมองโลกทั้งสิ้น พฤติกรรมของมนุษย์ไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ แต่เกิดมาจากการกำหนดท่าทีระหว่างมนุษย์กับโลก ดังเช่นสังคมที่มีจริยธรรมแบบลัทธิเต๋า ที่มีความเชื่อว่าโลกมีลักษณะของสิ่งตรงกันข้าม (หยิน-หยาง) รวมอยู่ด้วยกัน ท่าทีของมนุษย์ต้องกำหนดให้สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องโลก กล่าวคือพฤติกรรมของมนุษย์ต้องมีความสมดุลระหว่างสิ่งตรงข้ามในเรื่องต่าง ๆ ของชีวิต เช่นเดียววิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่มีความเชื่อเรื่องความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงกำหนอท่าทีในการกระทำ โดยใช้ทางสายกลางดังกล่าว นั้นก็หมายความว่าจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงเชื่อว่าทางสายกลางสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องโลกที่เปลี่ยนแปลงนั้นเอง
การกำหนดท่าทีในความสัมพันธ์กับความเชื่อเรื่องโลกดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีเดียว ขึ้นอยู่กับความเชื่อของสังคมนั้น ๆ สมมุติว่ามีสังคมที่เชื่อว่าโลกมีความเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน แต่กำหนอท่าทีในความสัมพันธ์ตรงข้ามกับหลักการทางสายกลางก็ได้ เช่น เข้าไปต่อสู่กับโลกที่เปลี่ยนแปลงให้มีความเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย หรือยอมเคลื่อนไหวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงนั้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นต้น
ถามว่าทำไมควรใช้ปรัชญาทางสายกลางในการดำเนินชีวิต คำตอบไม่ได้กล่าวไว้อย่างตรง ๆ ในข้อความที่ได้กล่าวมา แต่สามารถอนุมานและตีความได้จากข้อความบางข้อความ เช่น การทำให้เกิดสมดุลย์ การมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทั้งจากภายนอกและภายใน อย่างไรก็ตามได้มีความคิดอื่น ๆ ได้กล่าวถึงเป้าหมายเอาไว้และมีความสอดคล้องกับข้อความ เป้าหมายอันนั้นคือ เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงหรือความยั่งยืน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ในกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2541 ก็ทรงเสริมคำว่า “พอดี” เพราะเมื่อเรารู้ว่าจุดใดคือ “พอ” เมื่อนั้นเราจะเกิดความพอใจ เมื่อรู้จักพอใจก็จะรู้จักพอประมาณ เมื่อรู้จักพอประมาณก็จะรู้จักการให้ เมื่อรู้จักให้ก็เรื่มเกิดการแบ่งปัน เกื้อกูลกัน เกิดความสงบในสังคม เกิดความเข็มแข็งในชุมชน เกิดศักยภาพ และท้ายที่สุดจะเกิดความมั่นคงและยั่งยืน2
ในการสรุปผลการประชุมด้านการปฏิบัติการในด้านการพัฒนาการเกษตรและชนบท ได้กล่าวไว้ว่า
เป้าหมายหรือหลักชัยของการพัฒนาเกษตรและชนบท ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชน และครอบครัวเกษตรกร (ทุกคน ทุกอาชีพในสังคม) ซึ่งไม่ได้หมายถึงรายได้แต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงด้านคุณภาพชีวิต ซึ่งหมายถึงสุขภาพที่แข็งแรง ครอบครัวที่อบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ รวมทั้งการบรรลุเป้าหมายทางสังคมและการเมือง3
สรุปได้ว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นปรัชญาทางสายกลางในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ทุกเรื่อง โดยมีเป้าหมายในด้านความมั่นคงและความยั่งยืนทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เป็นต้น
2. แนวปฏิบัติของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การนำปรัชญาของจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม สามารถพิจารณาได้หลายด้านตามความเหมาะสม เช่น ด้านอาชีพ ด้านโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ในที่นี้จะพิจารณาด้านสังคม หรือลักษณะหน่วยต่าง ๆ ของสังคมเป็นหลัก โดยสามารถแยกได้เป็นสามระดับ ดังนี้
1. ระดับครอบครัว
2. ระดับสังคมหรือชุมชน
3. ระดับรัฐ
การนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่แนวปฏิบัติ ประเด็นสำคัญไม่ว่าจะพิจารณาด้านไหนจะต้องไม่ขัดแย้งกันกับหลักปรัชญา หรือต้องสอดคล้องกับหลักปรัชญา ซึ่งในปัจจุบันได้มีนักวิชาการและผู้สนใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้เสนอแนวปฏิบัติมาพอสมควร ผู้เขียนคิดว่ามีบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับหลักปรัชญา เนื่องจากการไม่ได้พิจารณาเป็นองค์รวมหรือควบคู่ไปกับหลักปรัชญาเป็นการพิจารณาแยกส่วน ในที่นี้ผู้เขียนจะพิจารณาเฉพาะแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวปฏิบัติในลักษณะกว้าง ๆ แต่ครอบคลุมทุกด้าน เนื่องจากแนวปฏิบัตินั้นมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับมุมมองและการให้ความสำคัญ นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาด้วย สถานที่เปลี่ยนไป เวลาที่เปลี่ยนไปจะทำให้แนวปฏิบัติต้องปรับเปลี่ยนไป แต่หลักปรัชญาไม่เปลี่ยน ดังนั้นการพิจารณาแนวปฏิบัติจึงต้องคำนึงถึงหลักปรัชญาเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งผู้เขียนได้สรุปว่าประเด็นสำคัญของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือหลักทางสายกลาง โดยมีความพอเพียงซึ่งทำได้โดยอาศัยความรู้กับคุณธรรมเป็นตัวทำให้เกิดขึ้น
1 แนวปฏิบัติระดับครอบครัว
แนวปฏิบัติระดับครอบครัวหมายถึง สิ่งที่ครอบครัวควรปฏิบัติตามหลักปรัชญาของจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงทั้งด้านความรู้และคุณธรรม
1. ครอบครัวควรมีสำนึกในจริยธรรม โดยเฉพาะจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง หรือที่สอดคล้องกัน เช่น มีความซื่อสัตย์ ความอดทน ความเพียร ความมีสติ ปัญญา ความเมตตา กรุณา เป็นต้น
2. ครอบครัวควรแสวงหาความรู้ และอบรมสั่งสอนสมาชิกในครอบครัวให้มีความรู้และมีคุณธรรม โดยเน้นลักษณะความรู้และคุณธรรมที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาของจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง
3. ครอบครัวควรมีวินัยในการใช้จ่าย เริ่มจากความจำเป็นพื้นฐานก่อนแล้วจึงจะขยายไปสู่ความจะเป็นด้านอื่น ๆ
4. ครอบครัวควรเคารพต่อกติกาและกฎหมายของสังคม โดยไม่ขัดแย้งกับจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง
5. ครอบครัวควรมีสำนึกและรับผิดชอบต่อโลกและสิ่งแวดล้อม เพราะความเชื่อเรื่องโลกที่มีความเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องมีการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่วิกฤติ แต่ต้องให้มีความเปลี่ยนแปลงให้เกิดสมดุลต้องมนุษย์
แนวปฏิบัติระดับครอบครัวดังกล่าวมีลักษณะเป็นองค์รวม ต้องปฏิบัติประกอบกันไป โดยให้มีความพอประมาณ มีเหตุผลที่ดี และมีภูมิคุ้มกันที่ดี กล่าวคือภายใต้โลกและสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำให้ครอบครัวมีความรู้เรื่องต่าง ๆ ทั้งความรู้ที่เป็นข้อมูลต่าง ๆ และความรู้เรื่องคุณธรรมจะทำให้ครอบครัวมีเหตุผลและมีสำนึกทางจริยธรรมตามมา ซึ่งจะทำให้มีความพอประมาณ การรู้จักการพอประมาณจะทำให้มีวินัยในการใช้จ่าย การมีวินัยในการใช้จ่ายจะทำให้ครอบครัวมีภูมิคุ้มกันที่ดีทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจะทำให้ครอบครัวมีภูมิคุ้มกันที่ดีในระบบชีวิตทั้งหมด
2 แนวปฏิบัติระดับสังคม
แนวปฏิบัติระดับสังคมหมายถึง สิ่งที่สังคมหรือชุมชนควรปฏิบัติตามหลักปรัชญาของ
จริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงทั้งด้านความรู้และคุณธรรม
1. สังคมควรร่วมมือกัน เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน จะทำให้มีความรู้เรื่องต่าง ๆ กว้างและลึกขึ้น จะทำให้มีเหตุผลมากขึ้น มีความรอบคอบ ระมัดระวัง มากขึ้นในการนำความรู้ต่าง ๆ มาใช้
2. สังคมควรส่งเสริมให้จริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นบรรทัดฐานของสังคม มีการให้รางวัลและการลงโทษที่เหมาะสมต่อสมาชิกของสังคมที่ปฏิบัติตามจริยธรรมดังกล่าว
3. สังคมควรจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้มีการประหยัดและการออม ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การเกิดกองทุนต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมทำให้สังคมมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตัวเองได้
4. สังคมที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ควรใช้แนวทางของเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ โดยปรับใช้ตามความเหมาะสมของสถานที่ เพราะเกษตรทฤษฎีใหม่สอดคล้องกับหลักปรัชญาของจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง
5. สังคมที่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมควรประกอบอาชีพโดยยึดหลักการทางสายกลาง โดยมีการพอประมาณ มีเหตุมีผล โดยการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก หมายถึงเริ่มต้นจากตัวเองทั้งด้านความรู้ ความสามารถ ทรัพย์สินเงินทุน และบริหารด้วยความรอบคอบระมัดระวัง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับสังคม
6. สังคมควรมีสำนึกและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเหตุผลเดียวกันกับแนวปฏิบัติระดับครอบครัว
แนวปฏิบัติระดับสังคมดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวปฏิบัติระดับครอบครัว และมีลักษณะเป็นองค์รวมเช่นเดียวกับแนวปฏิบัติระดับครอบครัว กล่าวคือภายใต้โลกและสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การรวมตัวกันเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันจะทำให้สังคมมีเหตุผลในการใช้ความรู้ต่าง ๆ นอกจากจะทำให้มีความรอบรู้มากขึ้นแล้ว จะทำให้มีความระมัดระวัง รอบคอบมากขึ้นด้วย ประกอบกับการส่งเสริมจริยธรรมทำให้คนในสังคมเห็นคุณค่าของวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง จึงทำให้เกิดความพอประมาณ นำไปสู่การมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่อสังคม
3 แนวปฏิบัติระดับรัฐ
แนวปฏิบัติระดับรัฐหมายถึง สิ่งที่รัฐควรปฏิบัติตามหลักปรัชญาของจริยธรรมแบบเศรษฐกิจ ทั้งในด้านความรู้และคุณธรรม
หลักการที่สำคัญมีหลักการเดียวคือ
รัฐควรส่งเสริม สนับสนุนจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นนโยบายระดับชาติ โดยควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. รัฐควรกำหนดหลักสูตรจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงในการศึกษาของชาติในระดับต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
2. รัฐควรส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนา ประชาชนที่สนับสนุนและสนใจวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
3. รัฐควรส่งเสริม สนับสนุน สร้างองค์ความรู้ ที่สอดคล้องกับจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชน เช่นจัดให้มีการศึกษาทดลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดรูปธรรมในวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง หรือการพัฒนาข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้มีการ”เข้าถึง” ข้อมูลกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน เป็นต้น
4. รัฐควรมีกฎหมายที่ส่งเสริม สนับสนุน หรือขัดแย้งกันกับจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง
5. รัฐควรจัดตั้งกองทุนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริม สนับสนุนเงินทุน ให้กับประชาชนที่ขาดเงินทุน โดยมีสนใจและเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
6. รัฐความกำหนดท่าทีในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ โดยยึดหลักทางสายกลาง มีเหตุผล มีความพอประมาณ เป็นต้น
7. รัฐควรส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนมีสำนึกและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเหตุผลเดียวกันกับแนวปฏิบัติระดับครอบครัวและสังคม
แนวปฏิบัติระดับรัฐดังกล่าวก็เช่นเดียวกับแนวปฏิบัติระดับครอบครัวและสังคม กล่าวคือต้องปฏิบัติในลักษณะเป็นองค์รวม ซึ่งต้องยึดหลักให้มีความพอประมาณ มีเหตุผล และให้มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี กล่าวคือภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมรัฐควรส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนทุกระดับมีความรู้และมีคุณธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงจะทำให้ประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญที่จะดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง และการส่งเสริม สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นและเพียงพอต่อจริยธรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียงจะทำให้ประชาชนมีความรอบรู้ และรู้จักการพอประมาณทำให้มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีต่อรัฐ
แนวปฏิบัติทั้งสามระดับดังกล่าวจะต้องทำไปพร้อม ๆ กัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ มีลักษณะเชื่อมโยงเป็นองค์รวมจึงจะประสบผลสำเร็จ
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ. ทฤษฎีใหม่ในหลวง ชีวิตที่พอเพียง. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ร่วมด้วยช่วยกัน, 2542.
จอห์น สจ๊วด มิลล์ (John stuart mill) , on Liberty . แปลโดย ภัทรพร สิริกาญจน. กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ , 2530.
ชัชชัย คุ้มทวีพร. “จริยว่าด้วยคุณธรรม”. บทความประกอบการสัมมนา เรื่อง ปรัชญาปัจจุบัน. จัดโดยสมาคมปรัชญาและศาสนาแห่งประเทศไทย วันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2545 ณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ.
เนื่องน้อย บุณยเนตร. จริยศาสตร์ตะวันตก : ค้านท์ มิลล์ ฮอบส์ รอลส์ ซาร์ทร์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539.
บุณธรรม พูนทรัพย์. ศีลธรรมกับสิทธิมนุษย์ชนในพุทธปรัชญาเถรวาท. วิทยานิพนธ์ปรัชญามหาบัณฑิต แผนกวิชาปรัชญา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกาณ์มหาวิทยาลัย, 2533.
ประชา หุตานุวัตร. พุทธศาสนากับความยุติธรรมทางสังคม. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2533.
ประเวศ วะสี. เศรษฐกิจพอเพียงและประชาสังคม. กรุงเทพมหานคร : หมอชาวบ้าน, 2542.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต). เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ. กรุงเทพมหาคร : มูลนิธิพุทธธรรม, 2333.
พระธรรมปิฎก, (ป.อ. ประยุตโต). พุทธธรรม. พิมพ์ครั้งที่6. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย, 2538.
พระมหาอุทัย ศรสวัสดิ์ . พุทธวิธีแห่งสังคม : ปรัชญาสังคมและการเมืองของพุทธศาสนา กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ธรรมสาร, 2538.
ราเฟล ดี. ดี. (Raphael D. D.). Maral Philosophy. แปลโดย พรพิไล ถมังรักษ์สัตว์ กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2537
วันวร จะนู. มโนทัศน์เรื่องความยุติธรรมในพุทธปรัชญาเถรวาท. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. แผนกปรัชญา บัณฑิตย์วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541.
วิฑูรย์ แก้วแก่น. “จริยศาสตร์คุณธรรม : ทางเลือกที่ควรจะเป็นของพุทธจริยศาสตร์เถรวาท”. วารสารอักษรศาสตร์พิจารณ์. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. มกราคม, 2542.
วิทย์ วิศทเวทย์ , ปรัชญาทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่11. กรุงเทพมหานคร : อักษรจริญทัศน์,
ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์.
วิทย์ วิศทเวทย์. จริยศาสตร์เบื้องต้น : มนุษย์กับปัญหาจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร :
สมภาร พรมทา. มนุษย์กับการแสวงหา : ความจริงและความหมายของชีวิต กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์พุทธชาติ ,2538.
สุรพศ ทวีศักดิ์. “ปัญญาภาคปฏิบัติกับความเป็นเลิศทางจริยธรรมและการมีชีวิตที่ดีในทัศนะของอริสโตเติล”. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต. กันยายน-ธันวาคม, 2544.
เสน่ห์ จามริก. พุทธศาสนากับสิทธิมนุษย์ชน. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์, 2531.
เสรี พงษ์พิศ บรรณาธิการ. ภูมิปัญญาชาวบ้านกับการพัฒนาชนบท เล่ม 1 และ 2. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิภูมิปัญญา, 2536.
อภิชัย พันธเสน. พุทธเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์อมรินทร์, 2544.
อรสุดา เจริญรัถ. “เศรษฐกิจพอเพียงภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย”, เศรษฐกิจพอเพียงและประชาสังคม. ชัยวัชน์ หน่อรัตน์ และคณะ บรรณาธิการ. กรุงเทพมหานคร : ฟ้าอภัย, 2545.
เอกสารประกอบการสัมมนา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง. จัดโดย Thailand Develoment Research Institute Foundation ( T.D.R.I ) ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน, วันที่ 18-19 ธันวาคม 2542.
เอกสารประกอบการสัมมนา เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง. จัดโดย คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ ณ โรงแรมเซ็นทรัลแกรนด์พลาซา , วันที่ 16 กันยายน 2545
ภาษาอังกฤษ
Alderman, Harold. “By Virtue of a Virtue”. In Ethical Theory. Edit by Louis Pojman. Wadsworth , 1995.
Bentham, Jeremy. Introduction to philosophy . Edited by. John Berry and michael Bratman. New York : Oxford university press, 1986.
Halberstam, John . Virtue and Values. Prentic -Hall, 1988.
McDowell, John. “Virtue and Reason”. In Anti - Theory in Ethics and Moral Conservatism. Edit by Clarke and Simpson. State University of New York Press, 1989.
โทร(02) 9547300 ต่อ 104 E-mail : littletree2546@yahoo.com
1 เอกสารประกอบการสัมมนา, เศรษฐกิจพอเพียง, จัดโดย Thailand Develoment Research Institute Foundation ( T.D.R.I ) ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน, 18-19 ธันวาคม 2542, หน้า 3.
2 อานันท์ ปันยารชุน, คำกล่าวเปิดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2542 เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง. อ้างในเอกสารประกอบการสัมมนา, เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง, หน้า4.
3 สรุปผลการประชุม กลุ่ม4 แนวปฏิบัติทางด้านการพัฒนาการเกษตรและชนบท, เอกสารประกอบการสัมมนา เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง, วันที่18-19 ธันวาคม 2542 ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียนพัทยา จ.ชลบุรี, หน้า 1-2.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น